บล.เคทีบีเอสที :

มีมุมมองเป็นกลางจากการประชุม BOT Investors’ Session 2021
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” โดยเรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุม BOT Investors’ Session 2021 เพราะยังไม่มีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนจากประเด็นที่ตลาดกังวล โดยผลกระทบจากโควิดรอบ 3 จะทำให้ Debt relief มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และ NIM ปรับตัวลดลงจากการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง ซึ่ง ธปท. มีโอกาสที่จะช่วยเหลือกลุ่มธนาคารโดยการพิจารณาต่อมาตรการลด FIDF fee ส่วนประเด็นเรื่องการเร่งให้ Haircut ลูกหนี้และการปรับลดเพดานดอกเบี้ยของ non-Bank ทาง ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณา แต่นโยบายหลักคือต้องการให้กลุ่มฯเน้นการปรับโครงสร้างหนี้และขยายระยะเวลา term loan ให้ยาวขึ้นมากกว่า

ขณะที่เราคาดว่า กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปี 2021E / 2022E ที่ +23% / +6% เพราะแนวโน้มสำรองฯที่ลดลงจากการที่ตั้งสำรองเผื่อฯมาเยอะแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีมาตรการช่วยเหลือจาก ธปท. อีกถึง 31 ธ.ค. 2021

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร underperformed SET -1%/-13% ใน 1 และ 3 เดือน จากความกังวลโควิดรอบ 3 และการจ่ายเงินปันผล แต่เราคาดว่าจะกลับมา outperform ได้การกลับมาจ่าย interim dividend ได้ รวมถึงมีโอกาสขยายลดเงินนำส่ง FIDF ต่ออีกในปี 2022E ขณะที่ปัจจุบัน Valuation ยังถูกที่ –1.75SD below 10-yr average PBV หรือที่ระดับ 0.7x PBV โดยเรายังคงเลือก KBANK (ซื้อ/เป้า 177.00 บาท) เป็น Top pick

Event: BOT Investors’ Session 2021 meeting
เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมกับ ธปท. เพราะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุม BOT Investors’ Session 2021 วานนี้ เพราะยังไม่มีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนจาก

ประเด็นที่ตลาดกังวล โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) Debt relief ของกลุ่มธนาคารใน 2Q21E จะกลับมาเพิ่มขึ้น จากระดับ 10% ใน 1Q21 เพราะผลกระทบจากโควิดรอบ 3 กดดัน โดยลูกหนี้ SME ยังคงได้รับผลกระทบหนักอยู่

2) NIM ของกลุ่มมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เพราะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ แต่ทาง ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาต่อมาตรการลด FIDF fee เหลือ 0.23% จากเดิม 0.46% ซึ่งเดิมหมดอายุสิ้นปี 2021E

3) ประเด็นเรื่องการให้ประโยชน์ทางภาษีจากการเร่งให้ทำ Haircut ลูกหนี้ ทาง ธปท. คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะต้องการให้กลุ่มธนาคารเน้นการปรับโครงสร้างหนี้และขยายระยะเวลา term loan ให้ยาวขึ้นมากกว่า

4) เรื่องการปรับลดเพดานดอกเบี้ยของ non-Bank ทาง ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาแต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะออกมาในรูปแบบของการลดดอกเบี้ยหรือออกมาตรการช่วยเหลือด้านอื่น

5) นโยบายการจ่ายปันผลสำหรับปี 2021E ยังต้องรอการทำ Stress test อีกทีช่วงปลายปี 2021E
ยังคงประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มปี 2021E เพิ่มขึ้น +23% YoY จากสำรองที่ลดลง เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปี 2021E / 2022E ที่ +23% / +6% เพราะแนวโน้มสำรองฯที่ลดลงจากการที่ตั้งสำรองเผื่อฯมาเยอะแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับภาครัฐและ ธปท. จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ธปท. มีการขยายเวลามาตรการนี้ต่อถึง 31 ธ.ค. 2021

ทำให้เราคาดว่าแนวโน้ม NPL จะไม่ปรับตัวเร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่จะเป็นรูปแบบค่อยๆทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยธนาคารที่จะมี NPL เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดคือ BBL และ TISCO อย่างไรก็ดีเราคาดว่า NPLs จะทยอยเร่งตัวเพิ่มขึ้นในปี 2021E อยู่ที่ 4.00%

Valuation/Catalyst/Risk
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ 1) แนวโน้มกำไรใน 2Q21E จะเติบโตได้โดดเด่นเพราะฐานต่ำจาก 2Q20 ที่ตั้งสำรองฯสูงมาก 2) NPL จะยังอยู่ในขาขึ้นแต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะยังมีมาตรการช่วยเหลือต่อถึงสิ้นปี 2021E 3) Valuation ยังถูกที่ –1.75SD below 10-yr average PBV หรือที่ระดับ 0.7x PBV

ทั้งนี้ เรายังเลือก KBANK เป็น Top pick ราคาเป้าหมายที่ 177.00 บาท อิง 2021E PBV ที่ 0.90x (-1.25SD below 10-yr average PBV) เพราะแนวโน้มกำไรสุทธิใน 2Q21E จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเพราะ 2Q20 มีการตั้งสำรองฯสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท ประกอบกับ จะเห็นการฟื้นตัวได้ดีกว่ากลุ่มจากการท่องเที่ยวและการเร่งฉีดวัคซีนได้สูงขึ้น เพราะมีสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวสูงถึง 20% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ Valuation ยังไม่แพงซื้อขายเพียง 0.7x PBV เทียบเท่า -1.5SD below 10-yr average PBV

- Advertisement -