รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Investment Strategy
กลยุทธ์ : กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ให้เน้นเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่นและปิโตรเคมี จากการที่หุ้นกลุ่มพลังงานทั่วโลกปรับขึ้นเมื่อวานนี้ ตอบรับกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น +2.4% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำ new high ในรอบปีนี้และเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 จากการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะชะลอการปรับกาลังการผลิตน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบนับจากต้นปีพุ่งขึ้นมากว่า 55% YTD ในขณะที่กลุ่มพลังงานของเราปรับตัวขึ้นช้ากว่ามาก (laggard) โดยปรับขึ้นเพียง +3.34% และกลุ่มปิโตรเคมี +8.2% เทียบกับตลาด (SET) ที่+9.99% ซึ่งถือว่ายังไม่ได้สะท้อนถึงปัจจัยกำหนดความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
เราเชื่อว่าในที่สุดหุ้นกลุ่มพลังงานจะต้องกลับมาปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (outperform) และสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง นอกจากนั้นเมื่อวานนี้เราเห็นกองทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อพร้อมกันและเห็นหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งก็เป็นอีกกลุ่มที่ laggard ตลาดมากเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับมามองหุ้นวัฎจักรเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มธนาคารและพลังงานที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง จากการกระจายวัคซีนครอบคลุมประชากรทั่วโลกและกลับมาทยอยเปิดประเทศกันอีกครั้ง
จากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในเดือนมิ.ย.และเป็นการปรับตัวแย่กว่าตลาดหุ้นในเอเชียไปพอสมควรจากความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นและการออกมาตรการกึ่ง lockdown 30 วัน ซึ่งเราเชื่อว่าได้สะท้อนไปในตลาดเรียบร้อยแล้วดังนั้นเราคาดว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวยืนเหนือ 1600 จุดได้ในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่นปิโตรเคมี ธนาคาร ค้าปลีก โดยเราให้แนวรับที่ 1590-1585 จุดและแนวต้านที่ 1600-1613 จุด หุ้นแนะนำ ประกอบด้วย ADVANC AWC KBANK PTTEP PTTGC TIDLOR TOP
Themes play :
Oil Play : เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรเคมี อย่าง PTT PTTEP PTTGC TOP IVL SPRC BCP จากการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อวานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 หรือคิดเป็นการปรับขึ้นถึง +55% นับจากต้นปี (YTD) โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจจะเพิ่มกำลังผลิตน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มโอเปกพลัสได้เลื่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีออกไปเป็นวันศุกร์ที่ 2 ก.ค. เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีเวลามากขึ้นในการหารือกันเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน
รายงานข่าวระบุว่า ในเบื้องต้นนั้น ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เสนอให้โอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. 2564 (ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้น 5 แสนบาร์เรล/วัน) แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้คัดค้านข้อเสนอดังกล่าวในระหว่างการประชุม พร้อมกับเรียกร้องมีการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานในการกำหนดกาลังการผลิตน้ำมัน ในขณะที่ค่าการกลั่นก็พุ่งขึ้นแรงสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง ปิดที่ 2.37 เหรียญ/บาร์เรล จาก 1.29 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อวานนี้โดยหุ้นที่ยังคงปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (SET +9.9% YTD) นับจากต้นปีประกอบด้วย PTT -8.2% YTD, PTTGC +1.3% YTD, TOP +4.8% YTD, IRPC +5.4% YTD และหากพิจารณาจาก upside เราให้ PTT PTTGC และ TOP เป็น top pick ของกลุ่มโดยมีราคาเป้าหมาย 51.50 บาท, 82.50 บาทและ 68 บาทตามลำดับ
CGS-CIMB : ประเด็นในสัปดาห์
2 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Change in Nonfarm Payrolls เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 6.95 แสนรายจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.59 แสนราย
2 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Unemployment Rate เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 5.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.8%
2 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Factory Orders เดือน พ.ค. โดยตลาดคาด 1.3% จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.6%
5 ก.ค. : ไทยประกาศตัวเลข CPI YoY เดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้า 2.44%
9 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Wholesale Inventories MoM เดือน พ.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.10%
13 ก.ค. : จีนประกาศตัวเลข Exports YoY เดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 27.9%
13 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 5%
Fundamental Stock :
KCE : คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย : 77 บาท
Technical Pick
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้านสำคัญที่ 1595-1600 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1615 และ 1630 แต่ถ้ายังไม่สามารถทะลุผ่าน 1600 ขึ้นไป แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1540 เป็นเป้าหมายของการปรับฐาน
OSP
แนวรับ : 38.25 และ 38.00
แนวต้าน : 40.00 และ 41.00
ITEL
แนวรับ : 4.24 และ 4.20
แนวต้าน : 4.44 และ 4.60
