รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“จ้างงานสูงเกินคาด แต่ตลาดไม่กังวล-โอเปกเลื่อนประชุม”

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้:
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ดิ่ง ปิด -15.26จุด ที่1578.49จุด มูลค่า 81 พันลบ. ตลาดลงกว่าเพื่อนบ้านยกเว้นจีน ทำยอดต่ำสุดของวันที่ 1574.92 จุด คาดว่ามีผลจากจำนวนผู้ติดเชื้อไทยสูงทำนิวไฮมากกว่า 6 พันราย แม้ตัวเลขแรงงานสหรัฐดี และรอผลประชุมโอเปก หุ้นขึ้นดีKTIS และ BCPG ซึ่งซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ VRB สำเร็จธุรกิจกักเก็บพลังงานคืบหน้า ส่วนปรับลงแรง MAKRO และ BJC หลังกำลังซื้ออ่อน ต่างชาติขายสุทธิ4.2 พันลบ.YTD สูง 80 พันลบ.

ปัจจัยบวก
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย.+850,000 ตำแหน่งสูงกว่าคาด ส่วนอัตราการว่างงาน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.9% สูงกว่าคาด
นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันศุกร์จะไม่เร่งให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดาวโจนส์ +153 จุด

ปัจจัยลบ
จีน-เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตวันศุกร์ปิดร่วงถึง -1.95% เหตุวิตกเศรษฐกิจชะลอตัว และจะคุมเข้มสินเชื่อ
แพทย์เตือน 3 เดือนนับจากนี้ไทยจะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างโรคแพร่หนักกับเปิดประเทศ

ปัจจัยที่น่าติดตาม
ติดตามการประชุมโอเปกซึ่งยังไม่มีข้อตกลงและเลื่อนประชุมนโยบายผลิตน้ำมันไปเป็นวันจันทร์นี้
ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เสนอปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ทยอยเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน แต่ UAE คัดค้าน

# กลยุทธ์: คาด SET ผันผวน จ้างงานสหรัฐสูงเกินคาด แต่ตลาดไม่กังวล,โอเปกเลื่อนประชุม,ไทยเผชิญผู้ติดเชื้อสูง แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐสูงกว่าคาด แต่อัตราว่างงานก็สูงกว่าคาดเช่นกัน สำหรับตลาดฯระยะนี้ไม่กังวลเงินเฟ้อ บอนด์ยิลด์10 ปีอยู่แค่ 1.43% ดัชนีกังวล Vix ต่ำที่ 15.1 จุด ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้มีเงินไหลออก ตลาดน้ำมันโลก ยังรอผลประชุมโอเปกที่เลื่อนมาวันนี้ แต่โทนคือ ทยอยเพิ่ม ไม่น่าวิตกมาก แต่ไทยมีปัจจัยลบเฉพาะตัวเรื่องเดิมคือ จำนวนผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตสูง วันนี้ 6,166 และ 50 รายตามลำดับ ยังไม่เห็นผลดีการฉีดวัคซีนหมู่

ส่วนภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น มีนักท่องเที่ยวพอควร คาดว่า SET ไซด์เวย์ เชิงลบ เพียงแต่มีโอกาสรีบาวด์ เพราะลงมาลึก จุด StopLoss หลุดลงมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็น 1575 ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ข่าวน่าสนใจระยะนี้

1) มีข่าวเก็งกำไรกัญชง- RBF ได้ใบอนุญาตสกัด CBD กัญชง DOD เริ่มปลูก

2) 9 ก.ค.รู้ผลผู้ที่ผ่านโรงไฟฟ้าชุมชน มีตัวเก็ง ACE และ NER เป็นต้น

3) KBANK ทำสัญญาขายประกันชีวิตให้ MTL ได้ค่า Fee สูงถึง 1.27 หมื่นลบ. และ

4) JMT มีโอกาสทำกำไร 2Q64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

# Stock Pick Today: OSP แนวโน้ม 2H64 กลับมาฟื้นตัวดีคาดว่าผลการดำเนินงาน 2Q64 จะได้รับแรงกดดันจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ระลอก 3 แต่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2H64) เครื่องดื่ม Functional Drink ยังขายดีมีประโยชน์ช่วยป้องกันโรค เช่น เครื่องดื่มผสมวิตามิน C-vittอีกทั้งได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 40.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีDCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 7%

# วิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“สัญญาณ Overbought + Divergence ในกราฟรายวัน”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี/ มี“Oversold ในกราฟรายนาที”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้แนวต้าน 1590 –1600 (หรือ1610) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1575” (แนวเด้งสั้น “1560 – 1550 / 1530”) จุด}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• โอเปกยังไม่มีข้อตกลง เลื่อนประชุมนโยบายผลิตน้ำมันไปเป็นวันจันทร์นี้
# รายงานข่าวระบุว่า ในเบื้องต้นนั้น ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เสนอให้โอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งปีหลังนี้หรือตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. โดยให้ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี UAE ได้คัดค้านข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำโดยหวังว่าจะทำให้โควต้าการผลิตน้ำมันของ UAE เพิ่มขึ้น

+ สหรัฐ: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย.+850,000 ตำแหน่งสูงกว่าคาดที่ +706,000 ตำแหน่ง
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 706,000 ตำแหน่ง

+ สหรัฐ: อัตราการว่างงาน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.9% จากที่นวค.คาดลดลง 5.6% มีส่วนคลายกังวลเงินเฟ้อ
# ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลงสู่ระดับ5.6% หลังจากแตะระดับ 5.8% ในเดือนพ.ค.
# บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันศุกร์ จะไม่เร่งให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด

• สหรัฐ: สัปดาห์นี้ติดตามทยอยประกาศงบ 2Q64,งบพื้นฐานไบเดน และรายงานประชุมเฟด
# การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียน และความคืบหน้าของกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

# นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของเฟดในสัปดาห์หน้าด้วย เพื่อพิจารณามุมมองเกี่ยวกับเงินเฟ้อ, วงเงินซื้อพันธบัตร และทิศทางอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังขยายตัว

-จีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตวันศุกร์ปิดร่วง -1.95% เหตุวิตกเศรษฐกิจชะลอตัว และจะคุมเข้มสินเชื่อ
# ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงเกือบ 2% ในวันนี้เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านสินเชื่อ ทั้งนี้มีความอ่อนแอของเศรษฐกิจมหภาคในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. รวมทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการล่าสุดของจีนต่างก็ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 152.82 จุด ขานรับข้อมูลจ้างงานแข็งแกร่งเกินคาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อ 2 ก.ค.ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ขานรับการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.เนื่องในวันหยุดชดเชยวันชาติสหรัฐในวันอาทิตย์ที่4 ก.ค.

– น้ำมัน: WTI ปิดลบ 7 เซนต์ เทรดเดอร์ชะลอซื้อ-รอผลประชุมโอเปกพลัส
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อ 2 ก.ค. เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์ชะลอการซื้อขายขณะรอผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส

• ทองคำ: ปิดบวก 6.5 ดอลล์ ขานรับบอนด์ยีลด์ลด-ดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 2 ก.ค.เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลง และดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
– แพทย์เตือน 3 เดือนนับจากนี้ไทยจะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างโรคแพร่หนักกับเปิดประเทศ
# นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยา ที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนจากนี้ (ก.ค.-ก.ย.) ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะมีการเปิดประเทศ หรือการระบาดของโรคจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเปิดประเทศได้ โดยขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสายพันธุ์เดลตาซึ่งมีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมที่เคยระบาดในไทยกว่า 1.4 เท่า ซึ่งจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะมีมากขึ้น

-นายกฯกล่าวว่าผู้ติดเชื้อรายวันสูง เพราะคัดกรองเชิงรุกในแต่ละคลัสเตอร์และพื้นที่เสี่ยง
# นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใย และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19และติดตามรายงานการป่วยและศักยภาพการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในบางวันมีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการคัดกรองเชิงรุกในแต่ละคลัสเตอร์ และในแต่ละพื้นที่เสี่ยง เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าออกจากกลุ่มก้อนและชุมชนให้เร็วและมากที่สุด

-ธปท. กล่าวถึงมาตรการทางการเงินและมาตรการต่าง ๆ เป็นแค่การซื้อเวลาในช่วงโรคระบาด
# ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความกังวลต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ว่ามาตรการทางการเงินและมาตรการต่าง ๆ เป็นแค่การซื้อเวลา เหมือนกับการพยุงอาการคนไข้เพื่อรอวันที่คนไข้จะฟื้นตัวกลับมาเอง ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมาตรการทางการเงินหรือการคลัง แต่คนต้องมีรายได้ ต้องมีงานทำ

• สบน.เผยข้อความ “ไทยเสี่ยงล้มละลายผิดนัดชำระหนี้” เป็นข้อความเท็จ
# ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความผ่าน Facebook ว่า “ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลายเนื่องจากผิดนัดชำระหนี้” ว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ และยังเป็นการบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อประเด็นดังกล่าว

- Advertisement -