บริษัทวายแอลจีบูลเลี่ยนแอนด์ฟิวเจอร์ส

ทองคำ
  1,795 1,783 1,769
  1,818 1,831 1,846

ข่าวสารสําคัญเพื่อประกอบการลงทุน (เพิ่มเติมช่วงบ่าย)
สรุป ราคาทองคำเช้านี้ยังทรงตัวรักษาระดับไว้ได้ โดยแกว่งตัวในกรอบ 1,799.27-1,807.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีรายงานว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ วางแผนที่จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐภายในเดือนส.ค.นี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster Shot) เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากบริษัทพิจารณาหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อได้อีกในระยะเวลา 6 เดือน รวมทั้งพิจารณาถึงความเสี่ยงของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในเวลานี้

นายมิคาเอล ดอลสเต็น ประธานเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์เปิดเผยว่า “วัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่หลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้ว 6 เดือน ก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อได้อีก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ลดต่ำลง” ส่งผลให้แรง Take Profit ในตลาดทองคำไม่มากนัก และมีแรงช้อนซื้อกลับเข้าสู่ตลาดทองคำเป็นระยะ

ปัจจัยทางเทคนิค
แนวโน้ม Gold Spot:
หากระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,800-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้น โดยหากยืนเหนือบริเวณ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ระดับสูงสุดของวันก่อนหน้า) การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,831 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดโซนแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน:
เปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,800-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ที่ 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด) ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,818-1,831 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว

ข่าวสารประกอบการลงทุน
(+) ไฟเซอร์เตรียมขอ FDA ใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิ หวั่นปชช.ติดเชื้อซ้ำในระยะ 6 เดือน บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ วางแผนที่จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐภายในเดือนส.ค.นี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster Shot) เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากบริษัทพิจารณาหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อได้อีกในระยะเวลา 6 เดือน รวมทั้งพิจารณาถึงความเสี่ยงของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในเวลานี้

นายมิคาเอล ดอลสเต็น ประธานเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์เปิดเผยว่า รายงานเมื่อไม่นานมานี้ที่ระบุว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันลดลงในประเทศอิสราเอลนั้น ส่วนใหญ่พบว่าเป็นการติดเชื้อในประชาชนที่ได้รับวัคซีนในช่วงเดือนม.ค.หรือก.พ. โดยกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพทั้งในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันอาการเจ็บป่วย ลดลงเหลือเพียง 64% ในเดือนมิ.ย.

“วัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่หลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้ว 6 เดือน ก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อได้อีก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ลดต่ำลง” นายดอลสเต็นกล่าว ความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อได้อีก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ลดต่ำลง” นายดอลสเต็นกล่าว

(+) ผลวิจัยชิลีชี้วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพป้องกันโควิดต่ำกว่าวัคซีนไฟเซอร์
ผลการวิจัยล่าสุดซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร The New England Journal of Medicine ระบุว่า วัคซีนของบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้น้อยกว่าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เมื่อมีการทดลองเปรียบเทียบการฉีด 2 โดสในประเทศชิลี

ผลการวิจัยระบุว่า วัคซีน “โคโรนาแวค” จากบริษัทซิโนแวคของจีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 เพียง 66% เมื่อเทียบกับวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทคซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงถึง 93% ผลการวิจัยยังพบว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส วัคซีนของซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้น้อยกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA โดยที่ผ่านมานั้น ชิลีมีการฉีดวัคซีนซิโนแวคให้กับประชาชนมากกว่า 10 ล้านคน

ขณะที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับประชาชนในจำนวนที่น้อยกว่า 5 แสนคน ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวได้จัดทำขึ้นในเดือนก.พ.จนถึงเดือนพ.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์อัลฟาและแกมมามากที่สุดในประเทศชิลี กระทรวงสาธารณสุขของชิลีเปิดเผยว่า ณ วันที่ 10 พ.ค. ทางกระทรวงได้ฉีดวัคซีนของบริษัทซิโนแวคให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปแล้วเกือบ 14 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนจำนวน 6.36 ล้านคน แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ชิลีได้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทคให้กับประชาชนเพียง 2.4 ล้านโดส

(+) Binance ถูกบล็อกการเข้าถึงในประเทศจีนแล้ว
มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้ใช้ Binance จำนวนมากพบว่าเว็บไซต์ และแอป Binance ถูกแบนในประเทศจีน Colin Wu บล็อกเกอร์คริปโทเคอร์เรนซีชาวจีน รายงานว่า แอปมือถือของ Binance ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากการเรียก API ถูกบล็อก เขาทวีตข้อความในทวิตเตอร์ที่ชื่อ Wu Blockchain ว่า “ในตอนเย็นของวันที่ 8 กรกฎาคม ตามเวลาปักกิ่ง ผู้ใช้จำนวนมากพบว่าแอป Binance ถูกบล็อกในประเทศจีน และต้องใช้บริการเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เท่านั้นในการเข้าถึง”

อย่างไรก็ตาม คู่แข่งของ Binance เช่น Huobi และ OKEx ยังคงให้บริการในจีนได้อยู่ในตอนนี้ U.Today รายงานว่าการค้นหาคำหลักสำหรับ Binance และแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมอื่น ๆ ถูกขึ้นบัญชีดำ โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของจีนในต้นเดือนมิถุนายน

การแบน Binance เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปราม crypto ที่สำคัญของจีน ซึ่งรวมถึงการกำจัดอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ทั้งหมดของประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว Binance กำลังเผชิญกับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดทั่วโลก ธนาคารในสหราชอาณาจักรหลายแห่งปิดกั้นการชำระเงินไปยังแพลตฟอร์มการซื้อขายดังกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้

(+) ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดเช้าร่วง 644.82 จุด วิตกเศรษฐกิจชะลอการฟื้นตัว ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วงลงในวันนี้จากความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง เนื่องจากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งใหม่เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในกรุงโตเกียวท่ามกลางการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,473.21 จุด ร่วงลง 644.82 จุด หรือ -2.29% หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลงในช่วงเช้านี้นำโดยหุ้นกลุ่มขนส่งทางทะเล, กลุ่มเครื่องจักร และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง

(-) ฮั่งเส็งปิดเช้าบวก 177.58 จุด จากแรงซื้อหุ้นคืน ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อคืนหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีรายงานว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,330.71 จุด เพิ่มขึ้น 177.58 จุด หรือ +0.65%

ที่มา : อินโฟเควสท์, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, The Standard และ Efinancethai

- Advertisement -