บล.เอเชียพลัส:

ปันผลจูงใจให้เข้าลงทุน

คาดกําไรสุทธิงวด 2Q64 จะลดลง 26.3% qoq (แต่เพิ่มข้ึนถึงกว่า 6 เท่าตัว จากงวด 2Q63) จากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางงวด 2Q64 อ่อนตัวลง โดยยังเห็นแรงกดดันจากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางที่ปรับลดลงต่อเนื่องใน 2H64

ปรับลดประมาณกําไรสุทธิปี 2564-65 ลงเฉลี่ย 13% จากเดิม สะท้อนราคาขายถุงมือที่ปรับลดลงมากกว่าคาดและปริมาณขายถุงมือยางลดลงจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทั้งนี้ ภายหลังปรับลดประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2564 จะเติบโตถึง 88.4% yoy อย่างไรก็ตาม คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะปรับ ลดลง 39.1% yoy จากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางอ่อนตัวลง ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 22% ในรอบ 2 เดือน จนมี PER ปี 2564-65 4 เท่า และ 6 เท่า และ Div Yields ปี 2564-65 สูงถึง 12% และ 7% จึงยังแนะนํา ซื้อ

คาดกําไรสุทธิ 2Q64 จะลดลง…ราคาขายถุงมือยางอ่อนตัวลง

คาดกําไรสุทธิงวด 2Q64 เท่ากับ 7.4 พันล้านบาท (ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมราว 15%) ลดลง 26.3% qoq (แต่เพิ่มข้ึนถึง 601.4% yoy) มีปัจจัยกดดันจาก 1) แนวโน้มรายได้รวมงวด 2Q64 จะลดลง 22.7% qoq (แต่เพิ่มข้ึนถึง 145.5% yoy) จากคาดการณ์ราคาขายถุงมือ ยางเฉลี่ยงวด 2Q64 จะปรับลดลง 15.0% qoq (แต่เพิ่มข้ึนถึง 197.1% yoy) มาท่ี 1.95 บาท/ช้ิน สาเหตุหลักมาจากราคาถุงมือยางที่ปรับข้ึนไปเร็วและแรงมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และโรงงานถุงมือยางบางแห่งมีการขยายกําลังการผลิตมากข้ึน นอกจากน้ี สถานการณ์โควิดในต่างประเทศเร่ิมคลี่คลายดีขึ้น ทําให้ราคาขายถุงมือยางเร่ิมปรับลดลงในงวด 2Q64 ขณะท่ีคาดปริมาณขายถุงมือยางงวด 2Q64 จะปรับลดลง 9.1% qoq และ 17.4% yoy ท่ี ระดับ 6.1 พันล้านชิ้น จากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทําให้ STGT ส่งมอบสินค้าได้ลดลง

2) คาด Gross margin งวด 2Q64 จะอ่อนตัวลงมาท่ี 69.4% จาก 74.0% ในงวด 1Q64 ผลกระทบจากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยงวด 2Q64 ที่ปรับลดลงข้างต้น

3) คาดสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales งวด 2Q64 จะปรับเพิ่มข้ึนมาที่ 3.4% จาก 2.6% ในงวด 2Q64 จากแนวโน้มค่าขนส่งสูงขึ้นจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน

ท้ังน้ี คาด STGT จะบันทึกรายได้พิเศษสุทธิราว 52 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินชดเชยประกันจากเหตุเพลิงไหม้ส่วนต่อขยายโรงงานสุราษฎ์ธานี 2 โดยปัจจุบันโรงงานดังกล่าวได้เร่ิมดําเนินการผลิตได้เต็มที่แล้วต้ังแต่พ.ค.64

โดยรวมแล้ว คาดการณ์กําไรสุทธิงวด 1H64 เท่ากับ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มข้ึนถึงกว่า 10.7 เท่าตัวจากงวด 1H63 และคิดเป็น 57% ของประมาณการกําไรสุทธิปี 2564 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ก่อนปรับปรุง

ลดประมาณการ…ราคาขายอ่อนตัวมากกว่าคาด

ปรับลดประมาณการกําไรสุทธิปี 2564-65 ลง 12.2% และ 14.2% จากเดิม สะท้อนราคาขายท่ีอ่อนตัวมากกว่าคาด และปัญหาตู้คอนเทนอนร์ขาดแคลน กดดันแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางในปี 2564 โดยสรุปได้ดังนี้

ปรับลดสมมติฐานราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 2564-65 ลง 7.4% และ 7.4% จากเดิม มาที่ 1.78. บาท/ชิ้น และ 1.18 บาท/ช้ิน สะท้อนทิศทางราคาขายถุงมือยางที่ปรับลดลงแรงกว่าคาดตั้งแต่งวด 2Q64 ปรับลดสมมติฐานปริมาณขายถุงมือยางปี 2564 ลง 7.9% จากเดิม มาที่ 2.9 หมื่นล้านช้ิน ผลกระทบจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและการหยุดโรงงานจ. สุราษฎร์ธานี (9 วัน) และจ.ตรัง (19 วัน) ชั่วคราวในเดือนมิ.ย. 64 จากปัญหาคนงานติดโควิด ทําให้การส่งมอบถุงมือยางในปี 2564 ลดลง

ทั้งนี้ ภายหลังปรับลดประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2564 จะเพิ่มข้ึนถึง 88.4% yoy จาก แนวโน้มราคาขายและปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น แต่คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 39.1% yoy จากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางปรับลดลง 33.5% yoy

ท้ังน้ี คาดกําไรสุทธิงวด 3Q64 จะปรับลดลงจากงวด 2Q64 จากทิศทางราคาขายถุงมือยางอ่อนตัวลงในงวด 3Q64 จากกําลังการผลิตถุงมือยางท่ัวโลกปรับเพิ่มขึ้นต้ังแต่งวด 2Q64

Valuation ยังน่าสนใจให้เข้าลงทุน

กําหนด FV ปี 2564 เท่ากับ 50 บาท (เดิม 65 บาท) อิงวิธี DCF (WACC 10.7%) ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER เพียง 4 เท่า นอกจากน้ี ยังสามารถคาดหวัง Div yield ปี 2564 ได้สูงถึง 12% (จ่ายทุกไตรมาส) ยังแนะนําซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

  1. ความผันผวนของราคาขายถุงมือยาง หากราคาขาย ลดลง จะกดดันแนวโน้มรายได้และกําไรสุทธิของ STGT
  2. ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หาก ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะกดดันแนวโน้มกําไรสุทธิของ STGT
  3. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบน้ํายางข้น หากราคาน้ํา ยางข้นปรับสูงขึ้น จะกดดันแนวโน้มกําไรสุทธิของ STGT

แนะนํา : ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท): 38.00

ราคาเป้าหมาย (บาท): 50.00

Upside (%): 31.58

Dividend Yield (%): 12.47

- Advertisement -