รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“ปรับลดคาดการณ์ GDP และ ดัชนีเป้าหมายสิ้นปีนี้ลง”

CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Down” 1580/1587 จุด รับ 1555/1540 จุด สหรัฐฯประกาศให้ประชาชนกลับมาใส่หน้ากากอนามัยในบางรัฐฯ หลังสายพันธ์เดลต้าทำให้ผู้ติดเชื้อเร่งตัวไว ผสานกับราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ปรับฐาน หลัง OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน และเพิ่มกำลังการผลิตขั้นต่ำของบางประเทศ ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด

ส่วนภายใน ตัวเลขผู้ติดเชื้อทำ New High ที่ 11,784 ราย เสียชีวิตยังสูงที่ 81 ราย ทำให้ศบค.ยกระดับมาตรการ Lockdown ขึ้นอีก ซึ่ง Nomura ประเมินการ Lockdown รอบนี้จะลากยาว 1-2 เดือน จึงปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2021 ลงสู่ 1.5% จาก 2.1% วันนี้แนะ “Selective Play” : BCH, JMT, SINGER

Nomura : Key Factors
· (-) US: สหรัฐฯประกาศให้ประชาชนกลับมาใส่หน้ากากอนามัยในบางรัฐฯ
· (-) OIL: OPEC+ มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน และเพิ่มกำลังการผลิตขั้นต่ำของบางประเทศในกลุ่ม OPEC+ ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022
· (-) OIL: เช้านี้ WTI -0.98$(-1.37%) สู่ 70.58/bbl, BRT-0.56$(-0.77%) สู่72.58/bbl
· (-) Asia: Fund Flows เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพลิกมาเป็น Net Sell ที่ -930 ล้านเหรียญ
· (-) TH: ศบค.ยกระดับมาตรการ Lockdown หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อทำ New high
· (-) TH: Nomura ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2021 ลงสู่ 1.5% จาก 2.1%
· (*) Fund Flows: หุ้น +1,165 ลบ, สัญญา Future -1,218 สัญญา, Bond -1,257 ลบ

Nomura Daily Top Picks: BCH, JMT, SINGER

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Down” ต้าน 1580/1587 จุด รับ 1555/1540 จุด ตลาดโลกได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในหลายประเทศจากสายพันธ์เดลต้า ซึ่งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไว โดยล่าสุด สหรัฐฯประกาศให้ประชาชนกลับมาใส่หน้ากากอนามัยในบางรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 70% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 26% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกันกับบางประเทศในยุโรปอย่างสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ที่ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มเร่งตัว และหลายประเทศในเอเชียที่สถานการณ์ย่ำแย่อย่าง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ทำให้ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง

ผสานกับการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ -0.77% สู่ 72.62 เหรียญ/บาร์เรล หลัง OPEC+ มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค. ปี 2021 รวมถึงเพิ่มโควต้าการผลิตบางประเทศตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 เป็นต้นไป ทำให้การผลิตน้ำมันขั้นต่ำของ OPEC+ เพิ่มขึ้นจาก 43.853 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 45.485 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นแรงถ่วงกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้ เอเชียมีแรงกดดันเพิ่มเติมจาก Fund Flows วันศุกร์ที่ผ่านมาพลิกเป็น Net Sell ที่ -930 ล้านเหรียญ โดยพลิกขายไต้หวัน เกาหลีไต้ ขายต่อเนื่องในฟิลิปปินส์ ส่วนไทยพลิกมาเป็น Net Buyที่ 36 ล้านเหรียญ แต่ของเรายังขาดเสถียรภาพ จากความไม่แน่นอนภายใน ทั้งการชุมนุมทางการเมือง

รวมถึงสถานการณ์ Third Wave ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ New High ที่ 11,784 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 11,684 ราย เรือนจำ 100 ราย เสียชีวิต 81 ราย ทำให้ล่าสุด ศบค.ประกาศมาตรการที่เข้มงวดขึ้น โดยปรับพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 13 จังหวัด เพิ่ม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา อยุธยา พร้อมทั้งย้ำมาตรการลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางของประชาชน รวมถึงขยายเคอร์ฟิวช่วง 21.00 – 04.00น. ให้มีผลเพิ่มอีก 14 วันนับตั้งแต่ 20 ก.ค. ส่วนการปิดกิจการเพิ่มเติมในพื้นที่แดงเข้มให้เป็นคำสั่งของผู้ว่าฯ

นอกจากนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกาศห้ามบินเข้าออกพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่ม 21 ก.ค.นี้ ซึ่งการยกระดับมาตรการ Lockdown ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายอย่างต้องหยุดชะงัก ซึ่ง Nomura ประเมินการ Lockdown รอบนี้จะกินระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน ขณะที่การฉีดวัคซีนยังค่อนข้างล่าช้า และโครงการ Phuket Sandbox ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าแตะ 32.88 บาทต่อเหรียญฯ เป็นแรงถ่วงตลาด ขณะที่ Nomura ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2021 ลงสู่ 1.5% จาก 2.1% ผลกระทบต่อกำไรตลาดปีนี้ (Market EPS) ปี 2021 เราปรับลดลงจาก 77บาทต่อหุ้น เหลือ 76บาท แต่คงปี 2022 ที่ 90บาท และลดดัชนีเป้าหมายปี 2021 เหลือ 1600จุด(จากเดิม 1650จุด) เพื่อสะท้อนความเสียงระยะสั้นของตลาดที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงกรอบการเคลื่อนไหว 2H21 ที่ 1450-1650จุด

Daily Strategy : ยอดผู้ติดเชื้อทำ New High ต่อเนื่อง ขณะที่การยกระดับ Lockdown กระทบเศรษฐกิจ ระมัดระวังตลาดปรับฐาน กลยุทธ์แนะ Selective เน้นกลุ่ม Earnings ดี กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า(ชิ้นส่วน-อาหาร KCE HANA TU PM ASIAN) กลุ่มสื่อสารฯ(ADVANC) กลุ่มโรงพยาบาล(BDMS, BCH, CHG, EKH) กลุ่มโรงไฟฟ้า(GPSC) และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล(TVO) ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

· Research Highlight :

IRPC (Upgrade TP from 4.5 to 4.8) : เรามอง slightly positive ต่อแนวโน้มกำไรปกติ 2Q21F ราว 4,265 ลบ. (พลิกกำไร y-y, -14% q-q) สูงกว่าที่เคยมองจาก stock gain สูงกว่าคาด โดยการพลิกกำไร y-y มาจากทั้ง stock gain และ อัตรากำไร (Lube + ปิโตรเคมีเป็นหลัก) เพิ่มขึ้น ส่วนการลดลง q-q มาจาก stock gain ที่ลดลง กลบ การดำเนินงานที่ดีขึ้น (Lube + ปิโตรเคมี อัตรากำไรเพิ่ม) ทั้งนี้จาก 1H21F ที่ stock gain และ spread ปิโตรเคมี สูงกว่าคาด เราจึงปรับประมาณการกำไรปกติ 2021F ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายขึ้น 5% มาใช้ TP22F = 4.80 บาท/หุ้น และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น Buy เดิม Trading Buy มองราคาหุ้นที่ปรับลดนับแต่ต้นมิ.ย. 21 ราว -10% ได้สะท้อนความกังวล supply ใหม่ของปิโตรเคมีใน 2H21F ไประดับหนึ่งแล้ว และเป็นโอกาสสะสมรับการเข้าสู่ Cycle ทำกำไรของ IRPC ใน 2021-23F

PTTGC (Upgrade TP from 80 to 86) : เรามอง slightly positive ต่อแนวโน้มกำไรปกติ 2Q21F ของ PTTGC ที่ราว 11,909 ลบ. โตสูง y-y โต q-q ดีกว่าที่เราเคยมองจาก stock gain และ spread อะโรเมติกส์ ดีกว่าคาด โดยการโตสูง y-y ฝั่งปิโตรเคมีเป็นหลักที่ดีขึ้นทั้งอัตรากำไร และปริมาณขาย ส่วนการโต q-q มาจากฝั่งอะโรเมติกส์ เป็นหลัก ตาม spread PX/BZ +21%/64% q-q ทั้งนี้เราปรับกำไรปกติ 2021-23F ขึ้นสะท้อน stock gain และ spread อะโรเมติกส์ดีกว่าคาด และปรับกำไรสุทธิ 2021F ขึ้นสะท้อนกำไรจากการขาย GPSC พร้อมกับปรับมาใช้ TP22F ที่ 86.0 บาท

DTAC (Upgrade TP from 37 to 40) : เรามีมุมมองบวกต่อกำไรสุทธิ 2Q21 ที่ 1.53 พันลบ. (-19%y-y แต่ +86%q-q) ดีกว่าคาดมาก เราเห็นสัญญาณบวกมากขึ้นในเรื่อง i) คุณภาพการให้บริการจากการเร่งลงทุนคลื่น700/900MHz หนุนรายได้บริการมือถือเริ่ม +1%q-q และ ii) การลดค่าใช้จ่ายหลายรายการดีขึ้น ดัน EBITDA เริ่มทรงตัว y-y, +8%q-q ตามเป้าที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนกำไร 1H21 ที่ดีกว่าคาดและการคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น เราจึงปรับกำไรปกติปี 21-23F ขึ้น +48%/+6%/+3% โดยโมเมนตั้มรายได้บริการและกำไร 2H21F คาดกลับมาโต y-y นอกจากนั้น ยังมีจ่ายปันผล1H21F ถึง 1.05 บ./หุ้น (yield 3.5%)

SINGER (Upgrade TP from 46 to 52) : คาดกำไร 2Q21F ทำจุดสูงสุดที่ 161 ลบ. (+40% y-y, +15% q-q) จากการเติบโตอย่างมีนัยฯ ของทั้งธุรกิจขายสินค้าเช่าซื้อ (HP) และ ธรุกิจให้สินเชื่อจำนำทะเบียน (C4C) โดยเราคาดว่าทั้งปี 2021-22F จะยังสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง โดยรวม SINGER ยังมีความน่าสนใจด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูง ประกอบกับคาดผลกระทบจาก COVID-19 มีจำกัด ควรซื้อขายระดับ Premium เราปรับคำแนะนำขึ้น “Buy” จากการปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่ TP22F ที่ 52 บาท/หุ้น ด้วยวิธี GGM อิง PBV ที่ 6.3 เท่า

· (+) ราคาน้ำมันดิบอาจพีคไปแล้วระยะสั้น และ BRENT อาจปรับฐานสู่ 70-72 เหรียญฯ โดยทุก 1 เหรียญฯที่ลดลง เป็นบวกต่อ SCC (ช่วยด้าน Demand เพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง หนุน Margin), TOA(จะบวกต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว +0.5% ต่อ 1 เหรียญฯ ที่ลง, TASCO(ช่วยให้ Margin Spread กว้างขึ้น), EPG(เมื่อเทียบกับสมมติฐานของเรา ทุก 1 เหรียญฯที่ลง จะหนุน Margin เพิ่ม +0.03% และส่งผลบวกต่อฐานกำไร +2%) แต่เป็นลบต่อ พลังงาน

· (+) Cannabis/Hemps: ทางการประกาศใบอนุญาต เพราะปลูก-สกัดน้ำมัน RBF เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มเป็นลำดับ และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้ CBD/THCเป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ทางการยังใกล้ปลดล๊อคพืชเกษตรอย่างกระท่อม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดเมื่อย และมีกำลัง คล้าย Energy Drink เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL, STPI กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

· หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

· July Top Picks: KCE, TOA, TIDLOR, TVO, SAT, ICHI, PM

  · 2H21 Stock Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR / Mid-small Cap : PM, ICHI, SAPPE

2H21 Equity Outlook : At a crossroads : Policy normalization risks

Stock Best Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR
Mid-small Cap Picks : PM, ICHI, SAPPE

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

BCH (TP22F 33*): S 24.5/23.8 R 26.0/27.0 (Stop Loss: 23)

  · Theme: Earnings play

· Earnings Outlook: คาดกำไร 2Q21F เป็น new high ที่ 590 ลบ. (+112%y-y +82%q-q) เติบโตเด่น y-y และ q-q เนื่องจาก
1) คาดว่ารายได้ (+96%y-y +76%q-q) เติบโตสูงจากมีรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID รวม 2,400 ลบ. (สัดส่วนราว 59% ของรายได้ 2Q21F) ประกอบกับ
2) คาด Gross margin ที่ 32.7 % ลดลงเล็กน้อย y-y แต่ดีขึ้น q-q การให้บริการการให้บริการตรวจคัดกรอง COVID (%margin ดีกว่าการรักษา) มีสัดส่วนรายได้สูงขึ้น และ outlook 3Q21F ยังโดดเด่นต่อเนื่อง จากคาดรายได้เสริม COVID-19 อาจดีกว่าประมาณการของเราและตลาด จากยอดตรวจคัดกรองเชื้อและผู้ป่วยโควิดมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น

โดยประเมินกำไรปี 21F เติบโตเด่น +37%y-y ที่ 1,690 ลบ. จากการเร่งตัวขึ้นของรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID โดยเฉพาะยอดตรวจคัดกรอง และรายได้รักษาผู้ป่วย COVID รวมถึงจากการบริการฉีดวัคซีนทางเลือกใน 4Q21F

· Valuation: ซื้อขาย Valuation ต่ำสุด ที่ PER21F ที่ 37 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มซึ่งสูง 56 เท่า

· Catalyst: เป็นหุ้นในกลุ่มฯที่แนวโน้มกำไร 2Q21F โดดเด่นมาก และมีโอกาสดีกว่าที่คาด อีกทั้งโมเมนตัมดีต่อเนื่องใน 3Q-4Q21F จากยอดตรวจเชื้อและผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้น + เป็น รพ.ที่ได้ประโยชน์มากสุดจากรายได้เสริม COVD-19 ช่วยพยุงผลการดำเนินงานในช่วงการระบาด COVID-19

JMT (TP21F 51*): S 44.5/44.0 R 46.0/47.5 (Stop Loss: 43)

  · Theme: Earnings Play

· Earnings outlook: ภาพอุตสาหกรรมยังเป็นบวกจากโอกาสประมูลหนี้ NPL สูง โดยกำหนดวงเงินซื้อหนี้ NPL ปี 21F สูง 6 พันลบ. รวมถึง ผลการตัดต้นทุนหมดในหนี้ก้อนใหญ่อีก 1 หมื่นลบ. ช่วง 2H21F ขณะที่ และผลกระทบโควิดจำกัด จากหนี้ส่วนใหญ่ ขนาดเล็ก ยังบริหาร Cash collection ได้ดี ประเมินกำไร 21F +45% y-y ระยะสั้น คาดกำไร 2Q21F 24% y-y, Flat q-q และโมเมนตัมจะดีต่อใน 2H21F จากหนี้ที่ต้นทุนหมดอีก 1 หมื่นลบ.

· Valuation: สามารถเก็งกำไร รับภาพผลประกอบการยังเป็นขาขึ้น โดยมี PER21 ที่ 35 เท่า

· Catalyst: ผลกระทบเศรษฐกิจสร้างโอกาสต่อการซื้อหนี้ NPL ในระยะถัดไป + ยังเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตได้ดีและแข็งแกร่งต่อผลกระทบ Covid-19

SINGER (TP22F 52*): S 44.0/42.75 R 46.25/47.0 (Stop Loss: 42)

  · Theme: Earnings Play

· Earnings Outlook: แนวโน้มธุรกิจอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว หลังปรับโครงสร้างสำเร็จและก้าวสู่ธุรกิจจำนำทะเบียน (C4C) คาดกำไรปีนี้ 658 ลบ. (+29% y-y) จากทั้ง 2 ธุรกิจยังเป็นเชิงรุก 1) สินเชื่อ C4C และ2) ธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายทีมขาย และยังให้บริการตามปกติแม้ช่วงโควิด หนุนสินเชื่อรวมเติบโต 46% สู่ระดับ 9.7 พันลบ. โดยคาดกำไร 2Q21F ที่ 161 ลบ. (+40%y-y, +15%q-q) จากฐานสินเชื่อเติบโต 13% q-q สู่ 8.5 พันลบ. จากทั้ง 2 ธุรกิจ ที่ยังเป็นเชิงรุก และ NPL ยังคุมได้ดีคาด 4.1% จาก 4.2% งวด 1Q21

· Valuation: ราคาซื้อขาย P/BV สูง 5.8 เท่า สูงกว่ากลุ่มที่อยู่ 4.9 เท่า แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่า ขณะที่มี ฐานสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำราว 1 หมื่นลบ. เทียบ MTC SAWAD ระดับ 3-5 หมื่นลบ. ยังมีโอกาสในการเติบโตสูง

· Catalyst: ปรับไปใช้ TP22F ที่ 52 บาท ยังเป็นหุ้นงบเด่น 2Q21F – 4Q21F ธุรกิจผ่านการปรับโครงสร้างสำเร็จ ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก ผ่าน Ecosystem กลุ่ม JMART ที่ต่อยอดสู่ Consumer finance เต็มตัว + คาดนำ บ. ลูก SGC เข้า IPO ปี 2022

- Advertisement -