รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ปรับลงต่อ ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบมากขึ้นอีก
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคารปรับลงต่อ… รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นโลกที่ปรับฐานแรง และสถานการณ์ COVID-19 ภายในประเทศที่ยังรุนแรง อย่างไรก็ดีเรายังมองความเสี่ยงทางลงของดัชนีฯ มีไม่มาก (แม้ว่าอาจหลุด 1,550 ได้ในระยะสั้น)ใ… สำหรับปัจจัยต่างประเทศวันนี้เป็นลบ

i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรง หลังจากการติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าที่เร่งขึ้น ผนวกกับความล่าช้าของการพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5.79 แสนล้านเหรียญฯ กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง

ii) ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ร่วงกว่า 6% หลังจากความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมัน ผนวกกับการปรับปริมาณการผลิตน้ำมันที่กลุ่ม OPEC+ ประกาศเมื่อวานนี้ ส่งผลลบต่อสมดุล demand และ supply ของตลาดน้ำมัน…

  สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ ณ เช้าวันที่ 20 ก.ค. อยู่ที่ 11,305 ราย เสียชีวิต 80 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 6,557 ราย ซึ่งเป็นการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเกินหมื่นคนเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทั้งนี้ด้วยความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่กลับมาอีกครั้ง เราคำนวณพบว่าทุกๆ 1% ของ GDP ที่ลดลงอาจส่งผลให้ EPS ของ SET Index ลดลง 3% และคร่าวๆ คิดเป็นดัชนีฯ ประมาณ 50 จุด

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ มองว่าแม้ในกรณีเลวร้าย ตลาดหุ้นไทยก็ยังน่าจะยืนได้ที่ 1,500 จุด เทียบกับความเสี่ยงทางลงกรณีฐานที่เราเคยมองไว้ที่ 1,500 จุด

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร EPG, RCL, GPSC*
EPG (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.1 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 14 บาท (Trailing stop 12.4 บาท) 2) ประเมินรับอานิสงส์จากสถานการณ์ปัจจุบัน i) ราคาน้ำมันพักฐานแรง ต้นทุนวัตถุดิบเริ่มปรับลง (ตามที่คาดไว้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะลงกลางปี 2564) ii) ค่าเงินบาทอ่อน เป็นบวกกับธุรกิจในสหรัฐฯ และการส่งออก iii) สถานการณ์ล๊อกดาวน์ในประเทศหนุนยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับการซื้อกลับบ้านและ Food delivery

RCL (เป้า Consensus 60 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 53 บาท / แนวต้าน 60 – 65 บาท (Stop loss 51 บาท) 2) ประเมิน Earnings momentum ยังเป็นขาขึ้นต่อจาก i) ปริมาณการขนส่งสินค้าทั่วโลกยังเร่งตัวขึ้นใน 2Q – 3Q … ii) ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง iii) ราคาน้ำมันเริ่มพักฐาน (ต้นทุนหลักของธุรกิจเดินเรือลดลง) 3) Trailing PE ล่าสุด 9.6 เท่า มีโอกาสลดลงอีกหลังการรายงานงบ 2Q64 และ 3Q64 ที่คาดมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

GPSC* (เป้าพื้นฐาน 79.25 บาท… มีโอกาสปรับขึ้นอีก) 1) ประเมินแนวรับ 79 บาท / แนวต้าน 82 – 85 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 76 บาท) 2) วานนี้เปิดโรงงานแบตเตอรี่เฟสแรก 30MWh รองรับธุรกิจ EV ในไทย และวางแผนขยายเป็น 10GWh ในอนาคต … คาด GPSC* จะเป็นหัวใจสำคัญของกลุ่ม PTT* สำหรับหนีการ Disruption ของธุรกิจน้ำมัน 3) ประเมินยังมี Momentum บวกจาก Earnings upgrade และการปรับราคาเป้าหมายขึ้นของ Consensus หลังการประกาศลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในอินเดีย (โซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตรวม 3,744MW ถือหุ้น 41.6%) และไต้หวัน (พลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังการผลิตรวม 595MW ถือหุ้น 25%) 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและไทยยังต่ำต่อเนื่องหนุนธีมลงทุนหุ้นกลุ่ม “Bond-like stock”

หุ้นมีข่าว
(+) GPSC* คิกออฟโรงงานแบต เล็ง 10 ปีลงทุน 3 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ) GPSC* สตาร์ทโรงงานผลิตแบตเตอรี่ “จี-เซลล์” เทคโนโลยีเซมิ-โซลิด แห่งแรกในอาเซียน เฟสแรก 30 เมกะวัตต์ รองรับ “อีวี” เตรียมแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 1 กิกะวัตต์ ปีหน้าในอีอีซี ชี้ใกล้ฐานผลิตรถยนต์ เผยแผน 10 ปี ตั้งงบลงทุน 3 หมื่นล้านบาท กำลังการผลิตแตะ 10 กิกะวัตต์ หนุนฮับผลิตอีวี
(0) โบรกฯเชียร์อินทัชคัมแบ็ก กลับคืนเป็นของคนไทย ที่ปรึกษาฯชี้ราคาเทนเดอร์ฯ 65 บาทเหมาะสม (ข่าวหุ้น) โบรกฯ เชียร์ผู้ถือหุ้น INTUCH ขายหุ้นให้ GULF เชื่อเปลี่ยนสถานภาพ INTUCH และ ADVANC จากบริษัทต่างชาติ กลับมาเป็น “บริษัทของคนไทย” ฟากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) แนะผู้ถือหุ้น INTUCH ตอบรับเทนเดอร์ฯ ของ GULF มองราคาซื้อหุ้นละ 65 บาทเหมาะสม แต่ผู้ถือหุ้น ADVANC ควรปฏิเสธหลังราคาเสนอซื้อต่ำไป
(+) UPA เทกโอเวอร์ GTG ลุยธุรกิจกัญชง-กัญชา (ทันหุ้น) UPA ซื้อกิจการ GTG ลุยขยายธุรกิจกัญชง-กัญชา ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแบบครบวงจร สายพันธุ์ Raksa ใช้ทางการแพทย์และเป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค โดยออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 8,449.7 ล้านหุ้น จัดสรร PP แก่กลุ่มผู้ถือหุ้น GTG
(+) WICE ลุ้นรายได้ทะลุเป้า 20% ดีมานด์ขนส่งต่างประเทศพุ่ง (ทันหุ้น) WICE จ่ออัพเป้าผลงานปี 2564 โตทะลุ 20% หรือยืนเหนือ 4.8 พันล้านบาท หลังมองความต้องการขนส่งระหว่างประเทศยังขยายตัวในครึ่งหลังปี 2564 ต่อเนื่อง ลูกค้าต่างแดนไหลเข้าส่งออเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้น ชี้ตู้คอนเทนเนอร์ส่งสหรัฐไม่สะดุดมั่นใจปีนี้ 6,000 ตู้ตามเป้า สร้างรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ชู ETL ฟอร์มเด่น จับตาผลงานโค้งสองทุบสถิติใหม่
(+ PTTEP*) การเจรจาระหว่างกระทรวงพลังงานและเชฟรอนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนสำหรับโครงการก๊าซเอราวัณคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ (ศูนย์ข่าวพลังงาน) ความคิดเห็น: กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเสนอลดค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนสำหรับ 142 แท่นที่จะดำเนินการต่อไปให้กับทางเชฟรอน โดยเชฟรอนจะจ่ายค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนตามส่วนของเวลาการใช้งานสำหรับแพลตฟอร์มเหล่านี้ เรามีมุมมองเป็นบวกสำหรับความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างกระทรวงพลังงานและเชฟรอน เนื่องจากหากเจรจราสำเร็จได้เร็ว PTTEP จะสามารถเข้าพื้นที่เอราวัณเพื่อติดตั้งอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่สำหรับการผลิตภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตฉบับใหม่ (PSC) ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 23 เมษายน 2565 ทั้งนี้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” PTTEP ที่ราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง 145.00 บาท
(- BAFS) ผู้บริหาร BAFS คาดว่าจะปรับลดเป้าปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินในปี 2564 (InfoQuest)

ความคิดเห็น : บริษัทกำลังจะปรับลดเป้าหมายเดิมของการเติมน้ำมันเครื่องบิน 2,302 ล้านลิตรในปี 2564 หลังจากประเทศไทยประสบกับการระบาดของไวรัสโควิดระลอกที่ 3 ตั้งแต่เดือนเมษายน และรัฐบาลประกาศยุติเที่ยวบินภายในประเทศชั่วคราวในโซนจังหวัดสีแดงเข้มตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม โดยเรามีมุมมองเชิงลบต่อข่าวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม สมมติฐานปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินในปี 2564 ของเราอยู่แค่ 1,328 ล้านลิตร ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายของ BAFS ถึง 42% ดังนั้นเรายังคงประมาณการขาดทุนสุทธิไว้ 604 ล้านบาทในปีนี้ ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BAFS ที่ราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง 33.00 บาท ซึ่งเรามองว่า BAFS จะเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
LEO (เป้าพื้นฐาน 11.3 บาท)แนะนำ “Let profit run” กำหนด Trailing stop 11.0 บาท
SIMAT (เป้าพื้นฐาน 6.8 บาท) แนวรับ 5.5 บาท / แนวต้าน 6.0 – 6.4 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Stop loss 5.3 บาท)
SA (เป้า Consensus 8.16 บาท) แนวรับ 6.8 บาท / แนวต้าน 7.0 – 7.25 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Stop loss 6.5 บาท)
PSTC (เป้า Consensus 3.78 บาท) แนวรับ 2.34 บาท / แนวต้าน 2.5 – 2.7 บาท (Trailing stop 2.3 บาท)
BAFS (เป้าพื้นฐาน 33 บาท) แนวรับ 25 บาท / แนวต้าน 26.5 – 27 บาท (Stop loss 25 บาท)
W (ยังไม่มีเป้า Consensus)แนวรับ 3.4 บาท / แนวต้าน 3.6 – 3.8 บาท (Stop loss 3.2 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
SHR แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 4.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ Initiate coverage หุ้น SHR ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมิน i) ธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ (อังกฤษ และ Maldives) ฟื้นตัว ii) ความเสี่ยงด้านสถานะทางการเงินอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ในช่วงปี 2564 – 65 โดยมี DE 0.9 เท่า iii) คาดผลการดำเนินงานจะเริ่มพลิกเป็นกำไรในปี 2565
KKP* แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 56 บาท รายงานกำไร 2Q64 = 1.35 พันล้านบาท (-7% QoQ, +14% YoY) ต่ำคาด -15% และต่ำกว่า Consensus คาด -5% เป็นผลจากผลขาดทุนจากการขายรถยึดมากกว่าคาด NIM ลดลง และต้นทุน SG&A ปรับขึ้น ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯปี 2564-65 ลงสะท้อนประเด็นต่างๆ และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 56 บาท (อิง PE 9เท่า) ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” (เดิม “ซื้อ”)
EKH แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.6 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 2Q64 = 45 ล้านบาท (Turnaround YoY, +35% QoQ) และคาด EKH จะยังได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 3Q64 ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มประมาณการฯปี 2564 – 65 และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 8.6บาท (เดิม 7.2 บาท)

Strategic SET daily
Market strategy Thailand

  จิตวิทยาตลาดวันนี้: — ต้าน 1558 จุด

วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1558 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1558-1575 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1558 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1558-1541 จุด

แนวรับวันนี้: 1551/1543 แนวต้านวันนี้: 1558/1573

- Advertisement -