ตลาดหุ้นวานน้ี : SET Index ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงเข้าช่วงวันหยุดยาวของไทยโดยดัชนีปิดลบ 7.26 จดุ ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 1.2 พันลบ. ขณะ ที่ต่างชาติขายสุทธิ 2.2 พันลบ.(และ Short Index Futures เล็กน้อย 2.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,540-1,550 จุด เนื่องจากยังไม่มี ปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น รวมถึงยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุด เรายังประเมิน Upside ของดัชนีระยะสั้นจำกัดจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังคงสูง และภาวะเตียงผู้ป่วยที่เต็ม นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงหากลามไปยังภาคการผลิต และต้องมีการหยุดผลิตชั่วคราวเป็นวงกว้าง ทำให้คาดว่าจะมีการขยายเวลา Lockdown ออกไปอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย และคาดมีการทยอยปรับลดประมาณการ EPS ปี 2021 จาก BB Consensus ที่ 84 บาทลง โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ส่วนปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะมีมุมมองต่อเงินเฟ้อเปลี่ยนไปหรือไม่ รวมถึงการเริ่มพูดคุยถึงการลดขนาด QE กลยุทธ์เรายังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและไม่ถูกกระทบจาก COVID-19 และมาตรการคุมเข้ม โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q21-3Q21 ที่แข็งแกร่งได้แก่กลุ่มการแพทย์ กลุ่มขนส่ง (เรือ) กลุ่มเทคโนโลยี  กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ส่วนจังหวะอ่อนตัวลงหาแนวรับ 1,530+- จุด ยังมองเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นรอการฟื้นตัวช่วงปลายปีต่อเนื่องปีหน้า

กลยุทธ์: เก็งกำไรเป็นไรตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและงบ 2Q21 โดดเด่น// สะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,530+- จุด

หุ้นเด่นเดือนก.ค.: BDMS, DOHOME, EPG, KCE, SONIC

หุ้นเด่นวันนี้: T T A

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท
  • คาดกำไร 2Q21+19%Q-Q และพลิกจากขาดทุนใน 2Q20 จากทุกธุรกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะเรือเทกองที่ได้อานิสงส์จากค่าระวางที่ขึ้น ธุรกิจ Off-Shore ที่ฟื้นตัว และธุรกิจปุ๋ยในเวียดนามที่เข้า High Season
  • แนวโน้มกำไร 3Q21 คาดยังเร่งตัวจากค่าระวางที่ยังสูงและทำให้ประมาณกำไรปี 2021ที่คาด 927 ลบ.พลิกจากขาดทุน ปีก่อนอาจมี Upside 10-15%
  • แนวรับ 14//14.50 บาท แนวต้าน 15-15.50//17 บาท

Fund Flow: วันศุกร์และจันทร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$864 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$508 ล้าน และ US$326 ล้านตามลำดับ ส่วนตลาดอาเชี่ยนเม็ดเงินไหลออกเช่นกันนำโดยไทย US$67 ล้าน มีเพียงฟิลิปปินส์ที่ไหลเข้า US$75 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าเบาบาง และยังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก ประเด็นจีนควบคุมการทำธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีและการศึกษา รวมถึงจับตาการประชุม FED สัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) หุ้นที่คาดกำไร 2Q21 โดดเด่น KCE HANA SMT DOHOME GLOBAL EPG SONIC LEO EKH CHG BCH BDMS NER JWD JR TTA IIG TU SAPPE NSL SC SPALI

(+) ส่งออกไทยเดือนมิ.ย.ดีกว่าคาด +43.8%Y-Y เติบโตทุกตลาดหลักทั้งเอเชียและตะวันตก ยกเว้น CLMV ที่กระทบจาก COVID-19 สินค้าที่โตเด่นยังเป็นชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ยาง อาหารสัตว์ รวม 6M21 เติบ โต +15.7 Y-Y แต่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ การระบาดของ COVID-19 ที่หากลามและต้องหยุดผลิตชั่วคราวจะเป็นลบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ เราแนะนำ “เก็งกำไร” HANA KCE SMT และแนะนำ “ซื้อ” TU GFPT SAPPE SAT AH NER EPG SONIC TTA

(-) DELTA ประกาศกำไรปกติ 2Q21 –5% Q-Q, -29% Y-Y ต่ากว่าคาด 19% จากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด ทั้งค่าระวางเรือ ปัญหา Raw Material การผลิตเกินกำลังการผลิต ค่าใช้จ่าย R&D ยังเร่งตัวขึ้น ยังคงประมาณการทั้งปีที่คาด +10%Y-Y และตั้งความหวังสูงต่อ 2H21 ส่วนปี 2022 คาด +31% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2022 ท่ี 330 บาท แนะนำ “ขาย”

(+) ORI คาดกำไรปกติ 2Q21 +3% Q-Q, 6% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาด หนุนจากส่วนแบ่ง JV และรายได้บริหารโครงการที่เร่งขึ้น ขณะที่โมเมนตัม 2H21 จะโดดเด่นขึ้น H-H และ Y-Y ยังคาดกำไรปกติปีนี้ +14% Y-Y มี Upside จุดเด่นคือ PE ที่ต่ำเพียง 6.5 เท่า และ Dividend Yield 6-8% คงราคาเป้าหมาย 10.10 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) JWD เข้าลงทุน 36% ใน Smilesun ผ่านบ.ย่อยคือ JTS (JWD ถือ 75%) โดย Smilesun เป็นผู้ถือหุ้น ใน ESCO ซึ่งบริหารท่าเทียบเรือ B3, B1, A0 ในท่าเรือแหลมฉบัง มีศักยภาพในการเติบโตด้วยกำไรระดับ 300+/- ลบ.ของ Smilesun ทำให้ประมาณการกำไรของ JWD มี upside ราว 12-14% สร้างมูลค่าเพิ่มอีกราว 2 บาท จากราคาเป้าหมาย 18 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

(+) IRC คาดกำไร 3Q21 (เม.ย.-มิ.ย. 2021) พลิกจากขาดทุนใน 3Q21 แต่ -35% Q-Q จาก Low season ส่งผลให้รายได้และ Margin ลดลง และไม่มีปันผลจากบริษัทร่วม ส่วนแนวโน้ม 4Q21 ควรดีขึ้นแต่มีความเสี่ยงจากการระบาดของ COVID-19 ที่หนัก จุดเด่นยังคงเป็น Valuation ที่ถูก โดย PE และ PBV ที่ต่ำเพียง 9.4 เท่าและ 1 เท่า รวมถึงเป็น Net Cash Company และให้ Dividend yield 5.4% เรายังคงราคาเป้าหมาย 24 บาท แนะนำ “ซื้อ ”

(+) SCGP คาดกำไร 2Q21+6%Q-Q,+19%Y-Y จากรายได้ที่แข็งแกร่งของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทั้งปริมาณและราคาขายที่เพิ่ม ธุรกิจเส้นใยได้แรงหนุนจากการรวม Go-Pak แต่แต่ปลายปีก่อนขณะที่ไตรมาสนี้เริ่มรวมงบ Duy Tan และ INTAN เรายังมองบวกต่อกลยุทธ์ M&P ซึ่งจะหนุนการเติบโตระยะกลาง-ยาว เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2021-2022 +52% Y-Y และ+29% Y-Y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 76 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 82.76 จุด หรือ 0.24% ปิดท่ี 35,144.31 จุด จากคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่ง โดยมีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายงานในสัปดาห์นี้ ขณะที่ติดตามการแถลงผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพุธท่ี 28 ก.ค. ตามเวลาสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดดลบ จากแรงขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วัน รวมถึงถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ขณะที่ติดตามจีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.เช้านี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอยู่ที่บริเวณ 32.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 71.91 ดอลลาร์/บารเ์รล จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าทั่วโลก ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้เวลา 21.30 ตามเวลาไทย

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดท่ี 1,799.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากชะลอการซื้อขาย ก่อนรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพุธท่ี 28 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,025.64 / +0.09

- Advertisement -