บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

EPG: คาดกำไรปกติ 3QFY22 โต QoQ แต่หดตัว YoY

คาดกำไรปกติ 3QFY22 (ต.ค.-ธ.ค.) ที่ 400 ล้านบาท (+9%QoQ -12%YoY) การเติบโต QoQ มาจากการฟื้นตัวของยอดขายฉนวนกันความร้อน หลังปรับราคาขายขึ้นบวกกับข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ในสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลง และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคในไทย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ส่วนท่ีหดตัว YoY เป็นผลจากฐานสูงของอัตรากำไรและรายได้อื่น

  • คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรปี FY2023 (+14%YoY) หนุนจาก 1) รายได้จากกลุ่มฉนวนกันความร้อน และบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค 2) อัตรากำไรการดำเนินงานที่ปรับดีข้ึน และ 3) ส่วนแบ่งกำไรท่ีสูงข้ึนจากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนในแอฟริกาและอินเดียท่ีปรับดีข้ึน
  • คาดอัตรากำไรยืนระดับสูงเหนือ 31% ตลอดช่วงไตรมาสที่เหลือของปี FY2022 เพราะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ยังมี อุปสงค์ท่ีแข็งแกร่ง ขณะที่มีวัตถุดิบสำหรับการผลิตแน่นอนแล้วจนถึงช่วงปิดปีงบประมาณ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 15.0 บาท อิงจาก 30xPE’FY22E, (+2S.D. ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี) หรือคิดเป็นพรีเมี่ยม 60% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มวัตถุดิบ

พรีวิวผลประกอบการ

  • คาดกำไรปกติ 3QFY22 (ต.ค.-ธ.ค.) ที่ 400 ล้านบาท (+9%QoQ -12%YoY) การเติบโต QoQ มาจากการฟื้นตัวของยอดขายฉนวนกันความร้อนหลังปรับราคาขายขึ้น บวกกับข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ในสหรัฐฯที่ผ่อนคลายลง และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภคในไทยท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ส่วนที่หดตัว YoY เป็นผลจากฐานสูงของอัตรากำไรและรายได้อื่น
  • คาดรายได้โต 14%YoY เป็น 3.0 พันล้านบาท หนุนจากรายได้ที่ดีจากทั้ง 3 หน่วยธุรกิจ แต่ลดลงเล็กน้อย QoQ จากคาดการณ์ว่ายอดขายชิ้นส่วนยานยนต์จะลดลงเล็กน้อยหลังจากยอดขายรถยนต์ LCV-SUV ใน ออสเตรเลียลดลงปานกลาง
  • คาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) โต QoQ จาก 30.7% ใน 2QFY22 เป็น 31.9% ใน 3QFY22E จากอัตรากำไรกลุ่มฉนวนที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หลังมีการปรับราคาบวกกับมีอัตราการดำเนินงานในกลุ่มบรรจุภัณฑ์สินค้า อุปโภคบริโภคที่ดีขึ้น

อุปสงค์สำหรับรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) และรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก (LCV) ในออสเตรเลียช่วง 4Q21 ยังแข็งแกร่ง แต่ลดลงเล็กน้อย YoY จากฐานสูง ขณะที่ยอดขายรถกระบะไทยฟื้นตัวแข็งแกร่งใน ต.ค.-พ.ย. 2021 หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ใน 3Q21 ทั้งนี้ ยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ในออสเตรเลียและไทยคิดเป็นสัดส่วนราว 40% และ 25% ของรายได้รวมของ Aeroklas ตามลำดับ ขณะที่ตลาดรถกระบะ 1 ตันในไทยมียอดขายรวมที่ 38,550 คันในเดือน พ.ย. สูงสุดในรอบ 11 เดือน คาดว่ายอดขายรถกระบะไทยใน 1H22 จะโตขึ้น YoY จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นและฐานต่ำใน 1H21 ด้านตลาดออสเตรเลียคาดว่ารถ SUV และ LUV จะยังมีอุปสงค์ที่สูงในปี 2022 แต่ตัวเลขใน 1Q22 อาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่ฉุดเศรษฐกิจในประเทศลง เพราะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์

Revenue Breakdown

Aeroklas คือผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์สeหรับรถกระบะ เช่น พื้นปูกระบะ หลังคากระบะ ฝาครอบกระบะเอนกประสงค์ และบันไดข้าง มีการจัดจeหน่ายผลิตภัณฑ์ไปสู่มือลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่าน 3 แบรนด์ ได้แก่ Aeroklas, TJM และ Flexiglass โดยธุรกิจนี้คิดเป็น 47% ของรายได้ทั้งหมด

ขณะที่ Aeroflex คือกลุ่มธุรกิจที่ทeการผลิตฉนวนกันความร้อน เช่น ท่อสารนeความร้อนและเย็น ซึ่งคิดเป็น 27% ของรายได้ทั้งหมด Aeroflex ทeการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์จeพวกฉนวนไปทั่วโลกภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ Aeroflex, Aerocel และ Celflex ปัจจุบันมีกeลังการผลิตยางสังเคราะห์ EPDM ต่อปีที่ 20,000 ตัน และฉนวนยางไนไตรล์ที่ 20,000 ตันจากฐานการผลิต 5 แห่งที่กระจายอยู่ในไทย สหรัฐฯ อินเดีย และจีน

ในด้านอีสเทิร์น โพลีแพค (EPP) นั้นทeการผลิตและจัดจeหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงแผ่นพลาสติกที่นำไปขึ้นรูปเป็นสินค้าต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ป้ายโฆษณา และแผ่นรองกระป๋อง โดยหน่วยธุรกิจนี้คิดเป็น 26% ของรายได้ทั้งหมด

- Advertisement -