บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Thai Union Group (TU TB) 4Q64 โตแกร่ง แต่มีประเด็นเสี่ยง

กำไรปี 2564 โต จับตาหลายปัจจัยเสี่ยง

เราคาดกำไร 4Q64 จะเพิ่มขึ้น 28% YoY แต่จะทรงตัว QoQ โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยเกี่ยวกับงวด 9M64 ได้แก่ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ธุรกิจอาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง ขณะที่อาหารทะเลแปรรูปยังไปต่อได้ TU เคยได้รับประโยชน์มากจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้คนต่างซื้ออาหารเพื่อกักตุน ในขณะที่ธุรกิจอาหารแช่แข็งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวในธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงมีปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับอาหารแปรรูป จากผลประกอบการไตรมาส 4Q64 ที่แข็งแกร่งเรา อาจเห็นราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น แต่อาจไม่ยั่งยืน เนื่องจากมีความเสี่ยงหลายประเด็น คงคำแนะนําถือ ราคาเป้าหมาย 19.6 บาท (6.1% WACC, 12.5% ROE, 2% G)

จบไตรมาส 4/64 อย่างสวย

ยอดขาย 4Q64 คาดว่าจะแตะ 3.69 หมื่นล้านบาท (+4% QoQ หรือ +10% YoY) การเติบโตประมาณ 8% จะมาจากค่าเงิน:เงินบาทอ่อนค่าลง 8% เมื่อเทียบกับ GBP, USD, EUR ราคาปลาทูน่าเริ่มเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม แต่ TU มีสินค้าคงคลังต้นทุนต่ำยกมาจากช่วงก่อนหน้า ปัจจัยด้านต้นทุนอื่นๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและเหล็กแผ่นรีดเย็นสูงขึ้น แต่ TU ยังมีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังยกมาจากช่วงก่อนหน้าในระดับสูง เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 18.2% ทั้งนี้ CFO เผย Avanti จะมีผลประกอบการดีขึ้น QoQ แต่จะถูกหักล้างจากผลขาดทุนของ Red Lobster ที่ 160 ล้านบาท จากขาดทุน 63 ล้านบาทในไตรมาส 3Q64 หากเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิไตรมาส 4Q64 ของ TU จะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 28% YoY ทำให้กำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการปี 64 ของเรา 3% เราคงคาดการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

หลากหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า

ราคาปลาทูน่าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4Q64 ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ปกติ และเพิ่มขึ้นต่อในเดือนธันวาคม  เนื่องจากการจับปลาได้ไม่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนการประมงที่สูง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น และบลูมเบิร์กรายงานว่าลูกค้าบางรายคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น สมมติฐานของ MST อยู่ที่ 75-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ผู้บริหารคาดว่าราคาปลาทูน่าจะลดลงตั้งแต่เดือน ก.พ. แต่เราคิดว่าเรื่องนี้อาจขึ้นอยู่กับต้นทุนการจับปลาที่ลดลง นอกจากปลาทูน่าแล้วปัจจัยด้านต้นทุนอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง เหล็กแผ่นรีดเย็น  และต้นทุนการขนส่งที่สูง ซึ่งทำให้ opex สูงขึ้น แนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะสูงขึ้นอาจทำให้ต้นทุนเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานที่นั่นเพิ่มขึ้น TU กำลังเจรจาเพื่อขายทูน่ากระป๋องในซูเปอร์มาร์เก็ตของยุโรป และยังคงต้องจับตาดูว่าจะจัดการกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้อย่างไร มีแนวโน้มที่ผู้ค้าปลีกปลาทูน่ากระป๋องจะใช้กลยุทธ์กำหนดราคาต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้าในภาวะซบเซา ตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกดดันต้นทุนต่อในปี 2565 ซึ่งเราต้องจับตาดูพัฒนาการของ TU ต่อไป

- Advertisement -