บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
EASTERN POLYMER GROUP กําไรปกติ 3Q64 โตดี หลังยอดขายและมาร์จิ้นฟื้นตัว
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +43.3%
Close Feb 02, 2022 Price (THB) 10.40
12M Target (THB) 14.90
Previous Target (THB) –
What’s new?
- คาด EPG มีกำไรปกติ 3Q64 จำนวน 408 ลบ. ลดลง 1.1%YoY แต่โต 8.4%QoQ หนุนด้วยรายได้จากการขายของธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนและบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยลดแรงกดดันจากยอดขายอะไหล่ยานยนต์ที่ชะลอตัว อีกท้ังมีปัจจัยบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดขยับขึ้นเป็น 31.5% จาก 30.7% ใน 3Q64 นอกจากนี้คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะโต 13%QoQ หลังบริษัทร่วมท้ังในอินเดียและแอฟริกามีผลดำเนินงานดีขึ้น
Our View
- เรามอง EPG เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจุดเด่นด้านการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี และท้ัง 3 ธุรกิจหลักยังมีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 43.3% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 14.90 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปี + 1 S.D.) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไร 3Q64 ฟื้นตัวขึ้น 8.4%QoQ หลังยอดขายฉนวนยางและบรรจุภัณฑ์ดีขึ้น
เราคาด EPG จะมีกำไรปกติ 3Q64 (สิ้นงวดเดือน ธ.ค.) จำนวน 408 ลบ. ลดลง 1.1%YoY จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แต่ฟื้นตัวขึ้น 8.4%QoQ หนุนจาก 1) รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2.7%QoQ แม้ยอดขายอะไหล่ยานยนต์ของ ARK คาดปรับลง 2.9%QoQ จากผลของปัญหาขาดแคลนชิปในการผลิตในช่วงปลายปี ทำให้ยอดขายรถใหม่ในยุโรปและออสเตรียเลียปรับลดลง ส่งผลต่อยอดขายอะไหล่ยานยนต์ในกลุ่ม Canopy และสินค้าตกแต่งของ TJM (High Margin) ให้ปรับลงตาม แต่พบว่าปัจจัยลบดังกล่าวถูกหักล้างด้วยยอดขายของธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน AFC ที่เร่งตัวขึ้น 13.9%QoQ หลังยอดขายในสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น จากการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยอดขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกของ EPP ปรับตัวดีขึ้น 3.6%QoQ หลังกิจกรรมการค้าขายของพ่อค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นมาก หนุนความต้องการสินค้าในกลุ่มแก้วน้ำพลาสติกและกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร 2) คาดเห็นการขยับขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจาก 30.7% ใน 2Q64 เป็น 31.5% หลังบริษัทเลิกใช้โปรโมชั่นด้านราคาเพื่อเร่งระบายสต๊อกบรรจุภัณฑ์พลาสติก บวกกับเริ่มเห็นผลจากการขอปรับขึ้นราคาสินค้า ทั้งในกลุ่มฉนวนยางกันความร้อนและกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก ช่วยลดแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ด้วยยอดขายที่เร่ง ตัวขึ้นยังทำให้บริษัทมี Economies of Scales มากขึ้น และ 3) คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมโต 13%QoQ หลังบริษัท JV ในอินเดียมีผลประกอบการดีขึ้นมาก และ AFC Africa มี Backlog ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ปรับประมาณการกำไร สะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายที่ดีกว่าคาด
หากเป็นไปตามคาด EPG จะมีกำไรปกติ 9M64 คิดเป็น 82.4% ของประมาณการเดิมทั้งปี แต่เรามองว่า 4Q64 (สิ้นงวดเดือน มี.ค. 65) ผลดำเนินงานของบริษัทจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง หนุนจากทั้ง 3 ธุรกิจหลักที่มีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น โดย AFC ได้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ในสหรัฐฯ และ EPP มีการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ ส่วน ARK เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการส่งมอบรถในออสเตรเลียและยุโรปที่ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตของทั้ง 3 ธุรกิจที่เพิ่มขึ้น คาดทำให้บริษัทมี Economies of Scales ในการผลิตมากขึ้น ประกอบกับการทยอยขอปรับราคาสินค้าขึ้นเพื่อส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไปให้กับลูกค้า ทำให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของ EPG จะปรับขึ้นต่อเนื่องจาก 3Q64 ดังนั้น เพื่อสะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2564 (สิ้นปีเดือน มี.ค. 65) เฉลี่ยปีละ 9.8% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาด EPG จะมีกำไรปกติในปี 2564 ราว 1,640 ลบ. โต 47.5%YoY
ราคาปรับลง สวนทางกับผลดำเนินงานที่ฟื้นตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรามอง EPG เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจุดเด่นด้านการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี และทั้ง 3 ธุรกิจหลักยังมีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 43.3% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 14.90 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปี +1 S.D.) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”







