บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

ORIGIN PROPERTY คาดกำไรสุทธิ 4Q64 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY

Action

BUY 

TP upside (downside) +14.6%

Close Feb 02, 2022 Price (THB) 12.30

12M Target (THB)14.10

Previous Target (THB) 14.10

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 623 ลบ. (+24.6% QoQ, -3.0%YoY) เพิ่มขึ้น QoQ หนุนจากโอนกรรมสิทธ์ิโครงการแนวสูงเสร็จใหม่
  • คาดบริษัทจะรายงานยอด Presale 4Q64 ที่ 7.3 พันลบ. (+2.7%QoQ, +6.0%YoY) จากอุปสงค์โครงการแนวสูงที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นตามสถานการณ์ COVID-19
  • คาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 3.5 พันลบ.เติบโตเด่น 23.4% YoY หนุนจาก Backlog ของโครงการ JV แนวสูงขนาดใหญ่ที่คาดจะแล้วเสร็จเป็นจำนวนมาก

Our View

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.8x เทียบเท่า +2.0SD จากค่าฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท)
  • Upside risk สำคัญที่ยังไม่ร่วมในประมาณการคือ การเข้าลงทุนและแผนการ Spin-off ธุรกิจใหม่ อาทิ ธุรกิจ Healthcare, AMC, พลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัยและธุรกิจการเงิน
  • คาดเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงถึง 3.7% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น

คาดกำไรสุทธิ 4Q64 เติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY

เราคาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 623 ลบ. (+24.6% QoQ, -3.0% YoY) ฟื้นตัวขึ้นเด่น QoQ จากการเริ่มโอน โครงการแนวสูงเสร็จใหม่ 1 โครงการ คือ Notting Hill Rayong (มูลค่า 1.2 พันลบ. ณ สิ้น 3Q64 มียอดขายแล้ว 51%) บวกกับการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Park Origin Phayathai ต่อเนื่องจากช่วง 3Q64 (มูลค่า 4.6 พันลบ. ณ สิ้น 3Q64 มียอดขายแล้ว 61%) เป็นผลให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นเด่น 288 bps QoQ เป็น 37.7% เมื่อเทียบกับช่วง 3Q64 ที่มีสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบในระดับสูง ทั้งนี้ เราคาดบริษัทจะมีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV Share Premium) จำนวน 190 ลบ. จากโครงการ One Origin Sanampao มูลค่า 4.4 พันลบ. อาคารสำนักงานเกรดคาดแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2566 เป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิ 4Q64 คาดที่ 813 ลบ. เติบโตขึ้น 14.7% QoQ และ 26.6% YoY หากบริษัทรายงานกำไร 4Q64 ใกล้เคียงกับที่เราคาด กำไรสุทธิทั้งปี 2564 จะอยู่ที่ 3.2 พันลบ. In-line กับ ประมาณการทั้งปีของเราที่ 3.2 พันลบ. แต่สูงกว่าคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus 14.2%

คาด Presale 4Q64 กลับมาฟื้นตัว QoQ และ YoY… แผนเปิดตัวโครงการใหม่ยังหนาแน่น

เราคาดว่าบริษัทจะรายงานยอด Presale 4Q64 ที่ 7.3 พันลบ. เติบโตขึ้น 2.7% QoQ และ 6.0% YoY แบ่งเป็น 1) โครงการแนวราบที่ 2.0 พันลบ. (-7.2% QoQ, +58.9% YoY) แม้ลดลงจากฐานที่สูงในช่วง 3Q64 แต่ยังเป็นระดับที่แข็งแกร่งสูงกว่า 2.0 พันลบ. เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน และ 2) โครงการแนวสูงที่ 5.3 พันลบ. (+7.1% QoQ, -6.2% YoY) ฟื้นตัวขึ้น QoQ จากอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นตัวตามสถานการณ์ COVID-19 หนุนด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการรวมมูลค่า 2.0 พันลบ.

ในช่วง 4Q64 ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 9 โครงการ รวมมูลค่า 6.3 พันลบ. (แนวราบ 6 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ รวมมูลค่า 4.3 พันลบ. และ 2.0 พันลบ. ตามลำดับ) เป็นผลให้ยอดเปิดตัว โครงการใหม่ทั้งปี 2564 อยู่ที่ 1.8 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 32.8% จากฐานที่ต่ำในปี 2563

สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 เบื้องต้นเราคาดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.0 หมื่นลบ. (เติบโตขึ้นอย่างน้อย 72% YoY) ขณะที่ในช่วง 1Q65 เราคาดบริษัทจะมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6-7 โครงการรวมมูลค่า 9.0 พันลบ. – 1.1 หมื่นลบ. นำโดย Origin Plug & Play Sirindhorn Station มูลค่า 2.7 พันลบ. และ Origin Plug & Play Nonthaburi Station มูลค่า 2.5 พันลบ. ทำ Take-up rate ได้แล้วราว 37% และ 40% เดือนแรกของการเปิดตัว

แนวโน้มผลประกอบการปี 2565 สดใส.. มี Backlog รอโอนอย่างหนาแน่น

เราคาดกำไรปกติปี 2565 ของบริษัท จะเติบโตเด่น 23.4% YoY หนุนจาก Backlog ที่คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 ที่ 1.7 หมื่นลบ. แบ่งออกเป็นโครงการของบริษัทที่ราว 5.0 พันลบ.และของโครงการ JV ราว 1.4 หมื่นลบ. หลักๆ มาจากโครงการแนวสูงขนาดใหญ่ที่คาดแล้วเสร็จพร้อมโอนในปี 2565 อาทิ Park Origin Thonglor (มูลค่า 1.2 หมื่นลบ. – 74% Sold), Park Origin Chula-Samyan (มูลค่า 4.6 พันลบ. 98% – Sold) และ Park Origin Ratchathewi (มูลค่า 3.0 พันลบ. – 95% Sold) เป็นต้น

นอกจากนี้ เราคาดแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของ BRI ในปี 2565 ที่ 1.1 หมื่นลบ. ยังมี Upside risk จากการเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ หากเกิดขึ้นในช่วง 1H65 คาดจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าที่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.10 บาท/หุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.19 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 9.8x เทียบเท่า +2.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER2565 ที่เพียง 8.6x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แต่เรามองว่า ORI ควรซื้อขายบน PER ที่เป็น Premium กว่ากลุ่ม จากการมี Upside risk ในระยะสั้น-กลาง คือ การ Spin-off บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจ Healthcare, AMC, พลังงานทดแทน/พลังงาน และธุรกิจการเงินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

เรายังคงให้ ORI เป็น Top pick ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการปี 2565 ที่แข็งแกร่ง พร้อมคาดเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 3.7%

 

 

- Advertisement -