Our View? “Risk-off Makes a Comeback”

คาดตลาดวันนี้ “ลง” ยังมองแนวรับที่บริเวณ 1,669/1,660 แนวต้านที่บริเวณ 1,685 / 1,695 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ กลับมากังวลแนวโน้มการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออีกครั้ง จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อคืนนี้ หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังคงไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งที่ปรึกษา ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และเป็นผู้นําคณะเจรจาของยูเครน ออกมาเปิดเผยว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังเผชิญความยากลำาบากอย่างมาก รวมทั้ง ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ส่งสัญญาณให้ประเทศที่อยู่ในรายชื่อไม่เป็นมิตร ต้องใช้สกุลเงินรูเบิลในการจ่ายค่าซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเท่านั้น ผสานบริษัทน้ำมันในคาซัคสถาน (Caspian Pipeline Consortium) ซึ่งเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลดำของรัสเซียประสบปัญหาความเสียหายจากพายุ ทำให้ไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ เป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลภาวะอุปทานน้ำมันดิบในระยะสั้นได้อีกครั้ง  โดยเมื่อคืนนี้ ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. เดือน พ.ค. ปิดที่ระดับ 114.93 ดอลลาร์/บาร์เรล +5.66 ดอลลาร์ (+5.18%) คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง แต่จะเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานในประเทศประคองตลาดได้บ้าง

อีกทั้งเราคาดตลาดจะติดตามการประชุมผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อวางแผนกดดันรัสเซียให้ยุติการโจมตียูเครน เรามองความไม่แน่นอนดังกล่าวจะหนุนให้นักลงทุนลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยง และเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยได้ในระยะสั้น สอดคล้องกับเมื่อคืนนี้ US Bond Yield เริ่มอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย โดยเช้านี้รุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 2.3152% (-4.08%) ราคาทองคำ เมื่อคืนนี้ปิด 1,937.3 ดอลลาร์/ออนซ์ +15.8 ดอลลาร์ (+0.82%) รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ปิดที่ 98.61 จุด +0.19 จุด (+0.20%) สะท้อนภาวะตลาดเข้าสู่โหมด Risk-off อีกครั้ง กดดัน-จํากัดการฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้

ขณะที่เรายังคงแนะนำติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีน หลัง Bloomberg รายงานรัฐบาลจีนเก็บสะสมเงินสดไว้เป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 เดือนแรกของปี โดยเพิ่มขึ้นรวมกัน 1.17 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดเป็นการสะสมเงินสดเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้ที่ประชุม ครม. มีมติออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนกว่า 10 มาตรการ โดยรวมแล้วเป็นการปรับลดค่าไฟ-ตรึงราคาน้ำมันดีเซล-ดูแลราคาก๊าซหุงต้ม และลดเงินสมทบประกันสังคมทั้ง ม.33 และ ม.39 เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกอ่อนๆ ต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยได้บ้างเล็กน้อย ในส่วนของการที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 4 ธนาคารไทย (KBANK, SCB, KTB และ TTB) เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารได้บ้างในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารดังกล่าวมีต้นทุนในการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้สูงขึ้นบ้าง แต่คาดส่งผลกระทบจำกัด จากการที่ธนาคารดังกล่าวพึ่งพาการระดมทุนผ่านเงินฝากเป็นหลัก ขณะที่เราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจ ไทยที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จะหนุนทิศทางผลประกอบการราคาของหุ้นในกลุ่มธนาคารฟื้นตัวขึ้นได้ ต่อเนื่อง ขณะที่เกณฑ์การออกมาตรการกำกับหลักทรัพย์ใหม่ของตลาด เรามองตลาดรับรู้ไปบ้างแล้วในช่วงก่อนหน้า แต่คาดจะกดดัน-จํากัด Upside หุ้นขนาดเล็กได้บ้าง คาดจะไม่ส่งผลต่อดัชนีมากนัก

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “PTTEP”

กลยุทธ์ เก็งกำไรระยะสั้น แนวรับ 152.00 / 150.00 Target 155.50 / 158.00 Stop <149.50

- Advertisement -