รุกฆาตตลาดหุ้น

Trading Range แกว่งตัวอิงทางลง 1665-1680

PICKS OF THE DAY

KKP BUY

  • เด่นทั้งธุรกิจธนาคาร และธุรกิจตลาดทุน: ในเดือน ก.พ. 65 KKP ยังมีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มต่อเนื่อง จากเดือน ม.ค. และทำให้สินเชื่อเติบโตแล้ว 2.6% YTD ในขณะที่กลุ่มเติบโตเพียง 0.1% YTD ส่วนธุรกิจตลาดทุนยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง และมูลค่าการซื้อขาย 1Q65 ก็เพิ่มขึ้นด้วยทั้ง y-y และ q-q

SC BUY

  • ยอดจอง 2M65 แกร่ง: ยอดจองไปได้ดีมาก โดยแรงหนุนแนวราบ จากรุกเปิดโครงการใหม่ ล่าสุดยอดจอง แนวราบ 2M65 ท่าได้ 3.5 พัน ลบ. (24% ของเป้าทั้งปี) โดย Backlog ล่าสุดคิดเป็น 40% ของเป้าโอนปีนี้ ยืนยันกําไรปีนี้เติบโต 20%
  • ราคาหุ้นยังถูก: ราคาหุ้นยังต่ำ P/E-65 แค่ 6 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยในอดีต 7-8 เท่า และมีปันผล-64 ที่ 0.20 บาท หรือ Yield 5% (XD 29/4/65)

ตลาดหุ้นวันนี้

  • แกว่งตัวอิงทางลง: มุมมองตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวอิงทางลงเป็นหลัก ในกรอบระหว่าง 1665-1680 จุด ท่ามกลางแรงกดดัน 2 ด้าน ได้แก่ 1) สงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยวันนี้ต้องติดตามการประชุมร่วมกันระหว่างสหรัฐ-ยุโรป จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางไปเยือนชาติพันธมิตรฝั่งยุโรปและองค์การ NATO เพื่อหารือเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มว่าสหรัฐและยุโรปจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรออกมาเพิ่มเติม ซึ่งหากเป็นการคว่ำบาตรด้านพลังงาน จะส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานต่อ เป็นต้นทุนที่สูงขึ้นกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ 2) ธปท. ออกเกณฑ์คุมการลงทุนใน Digital asset ไม่ให้เกินกว่า 3% ของเงินกองทุน จะส่งผลโดยตรงต่อการซื้อ Bitkub ของ SCB และอาจมี Sentiment เชิงลบต่อธนาคารอื่นที่มีการขยายตัวของการลงทุนในส่วน Digital asset มากขึ้น อย่างไรก็ดี การดีดตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังช่วยประคองตลาดด้วยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังได้อานิสงส์เชิงบวกระยะสั้นจากระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยล่าสุดคาซัคสถานประกาศระงับการส่งออกน้ำมันดิบจากโรงงานของบริษัท CPC ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย หลังเผชิญความเสียหายจากพายุ โดยคาดจะต้องใช้เวลาซ่อมแซมราว 1 เดือน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา CPC ส่งออกน้ำมันราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.2% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก
  • กลยุทธ์การลงทุน: ทางฝ่ายแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน และเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรรัสเซีย เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มที่สามารถเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ 1) หุ้นรับประโยชน์ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และ Bond Yield ขาขึ้น (BLA, KKP, BBL) 2) หุ้นรับราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น (TOP, PTTEP, BCP) 3) Domestic play (ICHI, OSP, BCH, CHG) และ 4) หุ้นปันผลสูง (SC)
  • Fund Flow 2Q65 ไทยต้องระวัง: ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติตั้งแต่เดือน เม.ย. 65 เป็นต้นไปต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่วิกฤตโควิดเมื่อปี 63 ที่ Fed ไม่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด และเริ่มใช้นโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดอย่างเป็นทางการ กอปรกับความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง คาดว่าทาง IMF จะออกรายงานในเดือน เม.ย. 65 และทำการ Downgrade GDP ทั่วโลกลง โดยเฉพาะยุโรปที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ หากมีมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานออกมา ขณะที่ไทยจะเผชิญการไหลออกของ Fund Flow เนื่องจาก Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 2 รวมแล้วประมาณ 0.75-1.00% ส่งผลให้ผลตอบแทนฝั่งสหรัฐกลับมาสูงขึ้น ขณะที่คาด กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วที่สุดปลาย 3Q65 บนสมมติฐานว่าภาวะเงินเฟ้อของไทยไม่รุนแรงเกินไป ทำให้ภาครัฐสามารถใช้เพียงนโยบายทางการคลังเข้าลดผลกระทบก็เพียงพอ โดยไม่ต้องใช้นโยบายการเงินจากทาง กนง. เข้าช่วย
- Advertisement -