Our View? “แกว่งในกรอบต่อไป”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” ยังมองแนวรับที่บริเวณ 1,670 /1,660 แนวต้านที่บริเวณ 1,685 / 1,695 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยตลาดยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยเดิม เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของวิกฤตยูเครน โดยการประชุมผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อวางแผนกดดันรัสเซียให้ยุติการโจมตียูเครน NATO จะเพิ่มกำลังทหารอีก 4 กลุ่มในยุโรปตะวันออก  และจะประชุมเพื่อวางแผนอีกครั้งที่เมืองมาดริด แม้การเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังคงไม่มีความคืบหน้า  รวมทั้งที่ปรึกษา ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และเป็นผู้นําคณะเจรจาของยูเครนออกมาเปิดเผยว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังเผชิญความยากลําบากอย่างมาก อีกทั้ง ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ส่งสัญญาณให้ประเทศที่ยู่ในรายชื่อไม่เป็นมิตร ต้องใช้สกุลเงินรูเบิลในการจ่ายค่าซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเท่านั้น คาดยังเป็นปัจจัยหลักจํากัดการเคลื่อนไหวของตลาดได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดที่ระดับ 112.34 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.59 ดอลลาร์ (-2.25%) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานประเทศสมาชิกในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีความขัดแย้งในการออกมาตรการส่งออกพลังงานของรัสเซีย โดยเรามองการออกมาตรการดังกล่าวเป็นไปได้ยาก เนื่องจาก EU โดยเฉพาะเยอรมนีต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างมาก โดยเยอรมนีนําเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นสัดส่วนถึง 55% และนําเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเป็นสัดส่วนราว 34% อีกทั้งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐออกมาเปิดเผยว่าสหรัฐและพันธมิตรมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน สะท้อนแนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านอีกครั้ง ช่วยผ่อนคลายความกังวลด้านอุปทานน้ำมันได้ คาดจะกดดันราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้อีกครั้ง

ขณะที่เรายังคงแนะน่าติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีน หลัง Bloomberg รายงานรัฐบาลจีนเก็บสะสมเงินสดไว้เป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 เดือนแรกของปี โดยเพิ่มขึ้นรวมกัน 1.17 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดเป็นการสะสมเงินสดเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ระดับ 16.2% (YoY) มากกว่าที่ตลาดคาดราว 10.20% คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE และ HANA) รีบาวด์ขึ้นได้ในระยะสั้น ในส่วนของการที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 4 ธนาคารไทย (KBANK, SCB, KTB และ TTB) เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารได้บ้างในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารดังกล่าวมีต้นทุนในการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้สูงขึ้นบ้าง แต่คาดส่งผลกระทบจำกัด จากการที่ธนาคารดังกล่าวพึ่งพาการระดมทุนผ่านเงินฝากเป็นหลัก ขณะที่เราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จะหนุนทิศทางผลประกอบการ ราคาของหุ้นในกลุ่มธนาคารฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ขณะที่เกณฑ์การออกมาตรการกำกับหลักทรัพย์ใหม่ของตลาด เรามองตลาดรับรู้ไปบ้างแล้วในช่วงก่อนหน้า  แต่คาดจะกดดัน จำกัด Upside หุ้นขนาดเล็กได้บ้าง คาดจะไม่ส่งผลต่อดัชนีมากนัก

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “KCE”

กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 63.75 / 62.75 Target 70.00 / 72.00 Stop <61.25

- Advertisement -