Daily Focus: Value and Domestic Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงอยู่ในช่วงแกว่ง Sideways สร้างฐาน ปิดลบเล็กน้อย 4.09 จุด และยังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,685-1,690 จุดได้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 6.2 หมื่นลบ. ตลาดยังจับตาผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่จะเริ่มทยอยชัดขึ้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 739 ลบ.และ 864 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short SET50 Index Futures อีก 7.3 พัน สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways และมีแนวโน้มอ่อนตัวหาระดับ 1,670+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนมาในทางลบ หลังเซี่ยงไฮ้ประกาศ Lockdown 9 วัน เพื่อสกัดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ รวมถึงกดดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลงกว่า 3% กดดันกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ส่วนสถานการณ์สงคราม รัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกคาดเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. เป็นต้นไป ขณะที่เงินเฟ้อทั่วโลกยังคงเร่งตัว ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะ Stagflation มากขึ้น และกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งสําหรับไทยถูกกระทบทางอ้อมในภาคการส่งออก รวมถึงกำลังซื้อที่ชะลอจากราคาน้ำมันที่สูง อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นบวกระยะยาวจากการผ่อนคลายมาตรการของศบค.โดยเฉพาะการเดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมเราจึงยังคงมุมมองบวกต่อกลุ่ม Value และ Domestic Play ซึ่งทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะ FED ที่ตึงตัวได้ดี กลุ่มที่เราชอบยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : JR

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท
  • กําไรผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q21 และจะฟื้นตัวใน 1Q22 ก่อนเร่งตัวแรงใน 2Q22 เป็นต้นไป จากงานที่เดินหน้าเร็วขึ้นหลัง COVID-19 คลายตัว ระยะสั้นคาดเห็นความร่วมมือกับ Partner ในธุรกิจสถานีชาร์จ E-Bus ในเร็วๆนี้
  • เราคาดว่า Backlog ของ JR จะพุ่งขึ้นทะลุ 1 หมื่นลบ.จากโอกาสได้งานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปใน 2Q22 คาดกําไรปี 2022 +65 Y-Y
  • แนวรับ 7.40-7.30 บาท แนวต้าน 7.80//8 บาท

Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$463 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$431 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานไหลออกบางๆทุกประเทศ แต่ยังคงไหลเข้าอินโดนีเซียหนาแน่น US$85 ล้าน  แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนมาในทิศทางไหลออก จีนกลับมา Lockdown เซี่ยงไฮ้บางส่วนอีกครั้ง ขณะที่ผลกระทบจากสงครามยังเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมกนง. เราคาดว่ายังอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการปรับประมาณการ GDP ลงจากปัจจุบันที่คาดปี 2022 +3.4% Y-Y โดยรวมผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกไว้ในประมาณการ ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อคาดว่าจะมีการปรับขึ้น  และต้องจับตาถ้อยแถลงว่าธปท.มีความกังวลมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากลากยาวอาจมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2H22

(-) DELTA เริ่มถูกกระทบจากสงคราม ลูกค้ารถยนต์ในยุโรปมีการ Shut Down สายการผลิตชั่วคราว จากการขาดแคลนอุปกรณ์จากยูเครน ส่วนธุรกิจ Eltek (Networking Product) ถูกกระทบในแง่การขนส่ง เพราะมีโรงงานในสโลวาเกียซึ่งพึ่งพิงแรงงานจากยูเครน แต่ Gross Margin คาดดีขึ้นจาก Product Mix และปัญหา Inventory จากเหตุน้ำท่วมปีก่อนเริ่มคลี่คลาย เบื้องต้นคาดกำไร 1Q22 ทรงตัว O-Q และ +14% Y-Y แต่อาจทรงตัวต่อใน 2Q22 เพราะสงครามยืดเยื้อ มีโอกาสที่รายได้ทั้งปี 2022 อาจทําได้ต่ำกว่าเป้า ถือเป็น Downside ต่อประมาณการกำไรปีนี้ที่คาด +51% Y-Y และราคาเป้าหมาย 330 บาท ยังคงคําแนะนํา “ขาย”

(+) SISB เรามองบวกต่อการเลื่อนเปิดสาขาระยองให้เร็วขึ้น 1 ปี เป็นปี 2023 และปรับจาก Halve Project เป็นเต็มรูปแบบ ส่วนผลการดำเนินงานคาดเห็นการฟื้นตัวทุกไตรมาสตั้งแต่ 1Q22 เป็นต้นไป จากค่าเทอมที่กลับมาเป็นปกติ และจำนวนนักเรียนโดยเฉพาะเด็กเล็กที่กลับมา เรายังคาดกำไรปี 2022-2026 +26% CAGR และมีโอกาสปรับขึ้น ปัจจุบันราคาเป้าหมายอยู่ที่ 12.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SHR การดำเนินงานในมัลดัฟท์และอังกฤษ YTD แข็งแกร่งมาก OCC rate สูงถึงกว่า 70% และ 50% ตามลำดับ ส่วนประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนคาดกระทบบ้าง โดยนักท่องเที่ยวรัสเซียคิดเป็น 16% ของมัลดีฟท์ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเชื่อว่าจะชดเชยจากตลาดอื่นๆที่เติบโตได้ เราคาด Rev Par ปี 2022 จะกลับไปเหนือกว่าช่วงก่อนมี COVID-19 เราปรับประมาณการขึ้นโดยคาดปี 2022 พลิกมีกำไร 117 ลบ. ขณะที่ปี 2023 คาด +339 Y-Y เป็น 512 ลบ. ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 5.20 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 153.30 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 34,861.24 จุด หลักๆจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเร่งขึ้นเป็น 2.492% สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย ท่ามกลางติดตามสถานการณ์สงครามในยูเครน และประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินทั่วโลก

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางความกังวลหลังจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมการระบาด COVID-19

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 113.90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน หลังมีรายงานว่าโรงงานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตี

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 1,954.2 ดอลลาร์/ออนซ์ กดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,093.18 / +5.52

- Advertisement -