ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ไซด์เวย์ / บวกได้กรอบแคบๆ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ไซด์เวย์ / ปรับขึ้นได้บ้าง… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยเทรดในกรอบแคบๆ และมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนเสาร์ อาทิตย์ออกมาบ้าง (ตามคาด)… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นบวกเล็กน้อย i) สถานการณ์ในยูเครนดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก หลังจากทหารยูเครนผลักดันทหารรัสเซียออกไปจากบางส่วนของเมือง Kharkiv และเมือง Mariupol ได้ ขณะที่ผู้นำยูเครนแถลงเมื่อวานนี้ว่าพร้อมเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง แต่ยังคงยืนยันว่าเงื่อนไขต่างๆ จะต้องผ่านการทำประชามติด้วย ii) บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ปรับขึ้นค่อนข้างแรง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ตลาดเชื่อว่า ธ.กลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้โดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ล่าสุดสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ในการประชุม 4 พ.ค. และ 15 มิ.ย. นี้ ทั้งนี้สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ เช่น Core PCE inflation เดือน ก.พ. ในวันที่ 31 มี.ค. รวมทั้งดัชนี ISM ภาคการผลิต และตัวเลขการจ้างงานเดือน มี.ค. ในวันที่ 1 เม.ย. ด้านปัจจัยภายในประเทศ กนง. มีกำหนดการประชุมในวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% และน่าจะมีการปรับลด ประมาณการ GDP ปี 2565 ตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤตยูเครน ทั้งนี้ปัจจุบัน กนง. คาดเศรษฐกิจไทยเติบโต 3.40% ในปีนี้ ส่วนเช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 24,635 ราย เสียชีวิต 81 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 25,753 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร BAFS, IVL*, BBL*

  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 33 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 25.25 บาท / แนวต้าน 26.0 – 26.5 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 28 บาท (Stop loss 24.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยจำนวนเที่ยวบินใน 1Q65 ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง QoQ และ YoY โดยเฉพาะเที่ยวบินในประเทศ และคาดเที่ยวบินต่างประเทศจะเริ่มฟื้นตัวใน 2H65 ขณะที่ราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว 3) PBV 3.4 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯผลการดำเนินงานปีนี้จะพลิกเป็นกำไรได้หลังขาดทุนมา 2 ปีติด
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 68 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 45.25 บาท / แนวต้าน 46 47 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 49 บาท (Stop loss 44.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q65 โต QoQ จากการปรับราคาขายขึ้น สะท้อนต้นทุนใหม่ ขณะที่ Spread PET และ PTA ยังทรงตัวในระดับที่สูง (ติดตาม Spread ในบทวิเคราะห์ Commodity ทุกวันอังคาร) 3) คาดดีลซื้อกิจการ Oxiteno แล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ หนุนผลการดำเนินงานตั้งแต่ 2Q65
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 136 บาท / แนวต้าน 138.5 – 140 บาท หากผ่าน กรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 145 บาท (Stop loss 134.5 บาท) 2 ประเมินความเสี่ยงต่ำ หลังจากที่ S&P ยังคงอันดับเรตติ้ง BBL ขณะที่ลดอันดับธนาคารใหญ่ตัวอื่น 3) PBV 0.53 เท่า ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปีนี้โต +22.8% YoY และ ROE ทยอยฟื้นตัว ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

หุ้นมีข่าว

(0) จับตาศาลไต่สวนฉุกเฉิน! ระทึกชี้ชะตาอีสท์วอเตอร์ (ข่าวหุ้น) ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ ชี้ชะตา EASTW หลังร้องขอคุ้มครองชั่วคราว อ้างมติบอร์ดที่ราชฯ มิชอบ อนุมัติ “วงษ์สยาม” เดินหน้าโครงการบริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออก 2.5 หมื่นล้านบาท ด้านกรมธนารักษ์ยืนยันทำตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว  หากเพิกเฉยก็ผิดฐานละเว้น ยึดประโยชน์ภาครัฐสูงสุด หลังเซ็นสัญญากับเอกชนรายใหม่เงินเข้ารัฐทันที 1.5 พันล้านบาท

(+) ORI* ปรับโครงสร้างออริจิ้นอีอีซี เป็นลูก วันออริจิ้น ดันเข้าตลท. (ข่าวหุ้น) ORI* ปรับโครงสร้างย้าย “ออริจิ้น อีอีซี” ไปเป็นบริษัทย่อย “วัน ออริจิ้น” บุกตลาด EEC ปีนี้ รุกเปิด 5 คอนโดฯ ใหม่ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 4,800 ล้านบาท เตรียมนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีนี้

(+) FSMART ลั่น Q1 โต เต่าบินดันกำไรปีนี้ (ข่าวหุ้น) FSMART ส่งซิกงบไตรมาส 1/65 โตต่อเนื่อง รับ สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีกว่าครึ่งหลังปี 64 จ่อเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเต่าบินผ่าน FVD มากกว่า 20% เป็นธุรกิจ New S-Curve ช่วยหนุนกำไรกลับมาเติบโตเป็น Growth Stock

(+) ASAP ชูดีลขายรถพันคัน ผลงานเด้งท่องเที่ยวหนุน (ทันหุ้น) ASAP รับเต็มช่วงหยุดยาว “สงกรานต์” คนแห่จองรถเที่ยวไทยอื้อ เดินหน้าขายยูสคาร์ล็อตแรก 1 พันคัน เสริมพอร์ตรับทรัพย์ คาดชัดเจน Q1/2565 บอสใหญ่ “ทรงวิทย์” ลั่นปีนี้ผลงานทะยานต่อเนื่อง อานิสงส์ธุรกิจเช่า-รถมือสองฟื้นตัวเด่น แถมลุยแพลตฟอร์ม “ยูสคาร์” ตอบโจทย์โลกใหม่ หวังเชื่อม-ขยายอีโคซิสเต็มส์ให้กว้างขึ้น

(+) GULF ประกาศจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ภายใต้ชื่อ Gulf International Investment Limited ในสัดส่วน การถือหุ้น 100% และทุนจดทะเบียน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินธุรกิจและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล สินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจเทคโนโลยีบล็อกเชน และบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์และธุรกิจดังกล่าวในต่างประเทศ (Source: SET) เรามองว่าข่าวดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวของ GULF ในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจ new S-Curve ใหม่เพื่อต่อยอดการเติบโต เราเชื่อว่านักลงทุนจะตอบรับในมุมมองที่เป็นบวกเล็กน้อย เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ตลาดเข้าใจภาพธุรกิจที่บริษัทจะเข้าไปศึกษาและลงทุนต่อยอดในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตไปกับกระแสของโลกมากขึ้นซึ่ง ได้แก่ ธุรกิจไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐาน และดิจิทัล ในขณะเดียวกันเรามองว่าสิ่งต่างๆ จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง และเห็นความชัดเจนมากขึ้นใน 1H22 นอกเหนือไปจากความชัดเจนของความร่วมมือกับ Binance ในประเทศและแผนการจัดตั้ง Data Center ในระหว่างนี้เราเชื่อว่าความคืบหน้าต่างๆที่ชัดเจนจะเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นระยะข้างหน้า เราแนะนำซื้อ GULF เช่นเดิม และเป็น Top pick ของกลุ่มสาธารณูปโภคในไทย ด้วยราคาเป้าหมาย 55 บาท/หุ้น

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 17.2 บาท / แนวต้าน 17.9 – 18.5 บาท (Stop loss 17.0 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 14.0 บาท / แนวต้าน 14.5 – 15.1 บาท (Stop loss 13.2 บาท)
  • SA (เป้าพื้นฐาน 17.3 บาท) แนวรับ 12.8 บาท / แนวต้าน 13.6 – 14.0 บาท (Stop loss 12.5 บาท)
  • BCP* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) แนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 31 – 32.5 บาท (Stop loss 28.5 บาท)
  • DTAC* (เป้าพื้นฐาน 60 บาท) แนวรับ 49 บาท / แนวต้าน 51.5 – 53.5 บาท (Stop loss 47 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 24.0 บาท / แนวต้าน 24.5 – 24.8 บาท (Stop loss 24.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลุ่มอสังหาฯ น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาดฯ ฝ่ายวิจัยฯประเมินหุ้นกลุ่มอสังหาฯจะเป็น 1 ในกลุ่มที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ดี โดยมีการปรับขึ้นราคาบ้านตามราคาต้นทุนการก่อสร้างได้ ฝ่ายวิจัยฯเลือก ORI*, SPALI*, AP*, LH* เป็นหุ้นเด่น
  • DELTA* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 480 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรจากการดำเนินงาน 1Q65 = 2 พันล้านบาท (+36% YoY, +6% QoQ) ระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply Chain ของลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ (ผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน) แต่คาดผลการดำเนินงานระยะยาวยังเด่นตามเทรนด์อุตสาหกรรมฯ
  • SVI แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 9.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรจากการดำเนินงาน 1Q65 = 377 ล้านบาท (+211% YoY, -32% QoQ) คาดกำไรโต YoY จากฐานต่ำ ขณะที่คาดกำไรอ่อนลง QoQ เป็นผลจากอัตรากำไรที่ลดลง ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินมีโอกาสที่ยอดขายของ SVI จะชะลอตัวลงจากผลกระทบกรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากมีฐานลูกค้าหลักอยู่ในยุโรป
- Advertisement -