บล.ไอร่า:

PTT (PTT PCL.)

ผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก ทั้งก๊าซ สํารวจและผลิต ปิโตรเคมีและการกลั่น และ OR ยังไปได้ดี จับตา New S-Curve เข้าสู่ EV Value chain

  • PTT ประกาศผลการดำเนินงาน 1Q/65 มีกำไรสุทธิ 25,571 ล้านบาท ลดลง 7% qoq และ 22 yoy ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยรับรู้ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 76% qoq จาก PTTEP ในขณะที่รับรู้กำไรจากสต็อกน้ำมันจำนวน 27,309 ล้านบาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานธุรกิจก๊าซ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ PTT เอง มี EBITDA 20,739 ล้านบาท ทรงตัว qoq แต่ลดลง 9% yoy ส่วนใหญ่มาจาก EBITDA ที่ลดลงจากธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซ ซึ่งต้นทุนก๊าซเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าราคาขาย ในขณะที่ธุรกิจโรงแยกก๊าซมี EBITDA เพิ่มขึ้น 23% qoq จากราคาขายของโรงแยกก๊าซที่เพิ่มขึ้นตามราคา HDPE นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 5,712 ล้านบาท แต่มีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจํานวน 48,979 ล้านบาท
  • EBITDA จากธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นเพิ่มขึ้น 92% qoq และ 35% yoy แม้ธุรกิจโรงกลั่นจะฟื้นตัวขึ้น และมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน แต่ธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ลดลง จากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาและก๊าซ LPG ที่มีราคาสูงขึ้น
  • OR มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 63% qoq โดยค่าการตลาดฟื้นตัวขึ้น และปริมาณขายน้ำมันและธุรกิจ Lifestyle ฟื้นตัวดี จากการคลาย lockdown และเปิดประเทศ
  • ประเด็นที่น่าจับตา คือ กลยุทธ์สำคัญของ PTT (new S-curve) ในการเข้าสู่ธุรกิจ EV Value chain ทั้งการจัดตั้งบริษัท Arun Plus และจะร่วมมือกับพันธมิตรในการบุกเบิกธุรกิจ EV ในไทย เช่น การจัดตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าร่วมกับ Foxconn คาดจะเริ่มผลิตรถไฟฟ้าจำนวน 50,000 คันในปี 2567 (แบบ OEM), ด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะได้ความร่วมทั้งจาก GPSC ในการผลิตแบตเตอรี่ และ IRPC ด้านการผลิตเม็ดพลาสติกเฉพาะทาง นอกจากนี้ ยังบุกเบิกธุรกิจ E-Bus และธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยการร่วมมือกับ Swap&Go ยังคงคําแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี ’65 อยู่ที่ 48.00 บาท (SOTP)
- Advertisement -