บล.เอเซีย พลัส:

จะเริ่มกลับมาโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี

แม้ต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทปรับแผนขยายสาขาลดลง และแรงกดดันจากเงินเฟ้อ แต่ฝ่ายวิจัยคงมุมมองเป็นบวกกับ MAKRO เพราะยังได้แรงหนุนจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s เข้ามาเต็มปี และเริ่มเห็นฟื้นตัวของการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ MAKRO ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ในระดับราว 5-6%YoY

ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 2565-66 ลดลงเฉลี่ย 22.1% เพื่อสะท้อนปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ แต่ยังมองว่ากำไรจะกลับมาเติบโตเด่นสุด ในช่วง 2H65 หลังเสร็จเรื่องของการรีแบรนด์ และการคืนหนี้บวกกับราคาหุ้น ปัจจุบันที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยฯ แนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว ภายใต้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 46 บาท มี Upside ราว 30.5%

ยังคงมุมมองการเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ แต่อาจเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น

บริษัทยังคงมุมมองบวกต่อทิศทางการเติบโตของยอดขายในปีนี้ เพราะเริ่มได้รับแรงหนุนจากธุรกิจค้าส่ง (MAKRO) ที่เริ่มเห็นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ดีขึ้นจนอยู่ในระดับราว 5-6%YoY ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. จากเดิมเพียง 1% ในงวด 1Q65 ที่ผ่านมา ประกอบกับเริ่มเห็นธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่า (Lotus’s) ที่เริ่มฟื้นตัวเช่นกัน สะท้อนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ดีขึ้นจาก 6.3% ใน 4Q64 เป็น 0.4% แล้วในงวด 1Q65 ที่ ผ่านมา แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทปรับแผนการขยายสาขาที่ลดลงจากเดิม จะเปิด 35 สาขา/ปี ลดเหลือ 20 สาขา/ปี สำหรับธุรกิจค้าส่ง ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่า (Lotus’s) ก็มีแผนที่จะปรับลดลงเช่นกัน จากเดิมจะขยาย 200 สาขา/ปี ลดลงเหลือ 150-200 สาขา/ปี

ฝ่ายวิจัยมองว่ากำไรโดยรวมทั้งปีนี้จะเติบโตได้ เพราะจะรับรู้ผลการดำเนินงานของ Lotus’s เข้ามาเต็มปีเป็นปีแรก และเริ่มเห็นการฟื้นตัว SSSG ของ MAKRO แต่บริษัทอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตั้งแต่ 2Q65 ซึ่งจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้น เพราะยังปรับราคาสินค้าขึ้นเพียงในบางส่วน

ปรับประมาณการกําไรปี 2565-66 ลดลงราว 29.3% และ 14.9%

เนื่องจากกำไรงวด 1Q65 ออกมามีสัดส่วนเพียง 15.3% ของคาดการณ์กำไรทั้งปีของเรา ประกอบกับฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อ SSSG ที่น้อยลง สำหรับในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) ในเดือน เม.ย. ออกมาต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งจะเป็นดัชนีชี้นำ SSSG ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ทำให้เราต้องปรับคาดการณ์กำไรปี 2565-66 ลดลงจากเดิม ราว 29.3% และ 14.9% เป็น 9.5 พันล้านบาท และ 1.55 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยสมมติฐานที่แปลี่ยนแปลง คือ

1) ปรับรายได้ปี 2565-66 ลดลงจากประมาณการเดิม 3.1%-44% เป็น 4.65 แสนล้านบาท และ 5.04 แสนล้านบาท ตามลำดับ ตามการปรับปรุงปัจจัยดังต่อไปนี้ ปรับลดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ Lotus’s ในปี 2565 ลง 4% เหลือ 2%YoY ส่วนปี 2566 ปรับลง 1% เหลือ 5% หลังจาก SSSG ในเดือน เม.ย. ทําได้เพียง 1-2%YoY ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันของเงินเฟ้อ

ปรับลดจำนวนสาขาที่จะขยายในปีนี้ ให้สอดคล้องกับเป้าของบริษัท โดยปรับลดจํานวนสาขาที่จะขยายในปี 2565 เป็น 195 สาขา (MAKRO+Lotus’s) จากเดิม 389 สาขา ส่วนปี 2566 เรายังปรับลดลงเป็น 325 สาขา จากเดิม 389 สาขา

2) ปรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sale) ในปี 2565-66 ให้มากขึ้นจากประมาณการเดิมราว 1% และ 0.5% เป็น 13.9% และ 13.1% เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการรีแบรนด์ และ Renovation มีแนวโน้มจะสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด

ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลงอย่างมีนัยฯ แนะลงทุนระยะกลาง – ยาว

ภายใต้ประมาณการใหม่ แม้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ปรับลดจากเดิมที่ 528 บาท เหลือ 46.0 บาท แต่ยังเหลือ Upside ให้ลงทุนอีกราว 30.5% ฝ่ายวิจัยมองว่าแนวโน้มกำไรของ MAKRO จะกลับมาเติบโตแรงในช่วง 2H65 หลังเสร็จเรื่องของการรีแบรนด์, การคืนหนี้ และเริ่มเห็นธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่า (Lotus’s) ฟื้นตัวเด่น บวกกับ ราคาหุ้นในปัจจุบันที่ปรับลดลงอย่างมีนัยฯ ยังคงแนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว

ประเด็นความเสี่ยงของธุรกิจ

1. เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อที่ลดลง

2. การแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรม

3. การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดบริเวณใกล้เคียงกัน

MAKRO แนะนํา : ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 35.5

ราคาเป้าหมาย (บาท) 46.0

Upside (%) 30.5

Dividend Yield (%) 1.9

- Advertisement -