Daily Focus: Selective Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่ง Sideways Down และปิดลบอีกเล็กน้อย 5.03 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่มการแพทย์โดยเฉพาะ BDMS และ BH เผชิญแรงขายอย่างหนักถ่วงดัชนี ขณะที่กลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL MAKRO มีแรงซื้อหนุน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น เล็กน้อย 388 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายเร่งขึ้นเป็น 3.3 พันลบ. ตามลำดับ (สถานะใน Index Futures แต่ละกลุ่มเบาบางและไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับวันนี้ที่ 1,600-1,610 จุด ตลาดมีปัจจัยกดดันทั้งฝั่งต่างประเทศ หลังประธาน FED สาขาเซนต์หลุยระบุว่ายังต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 5-5.25% เป็นอย่างน้อย ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯเริ่มพลิกมาขยับขึ้นเล็กน้อย ส่วนภาพ Inverted Yield Curve ฝั่งสหรัฐฯ ยังคงกว้างถึง -68 bps เทียบสิ้น 3Q22 ที่ -44 bps สะท้อนความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เสี่ยงเกิด Recession มากขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศคาดได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นต่อเนื่อง ทั้งกรณีหุ้น MORE ช่วงก่อนหน้า รวมถึง กลต.สั่งระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวของบล.รายหนึ่ง กรณียักยอกเงินลูกค้า อย่างไรก็ตาม แม้ระยะสั้นตลาดอยู่ในช่วงพักฐาน แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกในระยะกลาง-ยาวตามทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัวขึ้น เช่นเดียวกับโมเมนตัมกำไรบจ.ใน 4Q22-2023 ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง มองจังหวะพักตัวของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยระยะกลาง-ยาวมองที่บริเวณ 1,580+- จุด

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : M

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท

• โมเมนตัมกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้น Q-Q และ Y-Y ตาม Festive Season หนุน Traffic ให้ปรับขึ้น ขณะที่ฝั่ง Margin คาดว่าดี และการขึ้นราคาในปีนี้ที่ผ่านมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มได้ทั้งหมด

• เราคาดกำไรปี 2022 เติบโต 11 เท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน และคาดเร่งตัวแรงอีก +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ได้ตามการ Reopening เต็มปี นอกจากนี้หากจีนทยอยเปิดประเทศในปีหน้าจะเป็น Catalyst บวกต่อผลการดำาเนินงานของแหลมเจริญระยะถัดไป

• แนวรับ 57-56 บาท แนวต้าน 59-60 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$489 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$355 ล้าน ส่วนอาเซียนส่วนใหญ่เม็ดเงินไหลออกนำโดยไทย US$93 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่เม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลออกระยะสั้น หลัง Comment ของประธาน FED สาขาเซนต์หลุยที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยยังจำเป็นต้องปรับขึ้นสู่ระดับ 5-5.25% อย่างน้อย

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) ILM แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดโตขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามทิศทาง SSSG ที่ยังเป็นบวก Y-Y รวมถึง Q-Q คาดได้อานิสงส์จาก High Season ของการใช้จ่าย ขณะที่รายได้ค่าเช่าทยอยฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่เองใกล้เคียงระดับก่อน COVID-19 ส่วนการเปิดสาขาใหม่ที่ลาดกระบัง ปัจจุบันมีผู้เช่าเต็มแล้ว และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในปี 2023 ภาพรวมยังสอดคล้องกับที่เคยประเมินก่อนหน้า คาดกำไรปี 2022-2023 +40% Y-Y และ +9% Y-Y) ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 23.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) OR โมเมนตัมกำไร 4Q22 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยธุรกิจปั๊มน้ำมันได้อานิสงส์จากแนวโน้มค่าการตลาดที่ฟื้นตัวแกร่ง Q-Q ส่วนธุรกิจ Non-Oil คาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามการ Reopening หนุน Traffic ดีขึ้น และยังคงเน้นขนาดธุรกิจอาหาร (Non-Drink) อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า 15% ของ EBITDA ในปี 2024-2025 เรายังคาดกำไรปี 2022 Flat Y-Y และเร่งตัว แรง +20% Y-Y ในปี 2023 จากการ Reopening เต็มปี คงราคาเป้าหมาย 28 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) IPO ใหม่ WARRIX เป็นผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา รวมถึงศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา โดยที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand Awareness ผ่านการเป็นผู้สนับสนุนทีมกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลทั้งสโมสรและทีมชาติไทย ผลการดำเนินงานในปี 2019-2021 มีรายได้ลดลงเพียง -3% CAGR ขณะที่กำไรปกติเพิ่มขึ้น +3% CAGR ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 แต่เราคาดกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้าจะกลับมาเติบโตเร่งตัวเฉลี่ย +56% CAGR จากเทรนด์การรักษาสุขภาพและขยายสินค้าสู่กลุ่ม Lifestyle พร้อมทั้งการเติบโตในต่างประเทศ รวมถึงโอกาสเติบโตในกลุ่มสุขภาพ เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 8.60 บาท (Finansia อาจเป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

 

(0) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 33,546.32 จุด ลดลงเล็กน้อย 7.51 จุด หรือ -0.02% จากการแสดงความเห็นของเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ว่าอัตราดอกเบี้ยระดับนี้ไม่ได้อยู่ในกรอบคุมเข้มมากพอ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเฮลท์แคร์

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น โดยเงินเฟ้อพื้นฐานญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในเดือนต.ค. สูงสุดในรอบ 40 ปี

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 35.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลการแพร่ระบาดของ Covid ในจีน ในขณะที่เช้านี้ปรับรีบาวน์ที่ระดับ 82.13 ดอลลาร์/บาร์เรล 0.60%

(-) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,763 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์และการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,762.8 ดอลลาร์/ออนซ์ – 0.01%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.35 / –

- Advertisement -