บล.ฟิลลิป:

ซิงเกอร์ประเทศไทย – SINGER เติบโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

Key Point

สินเชื่อปี 65 โตเกินกว่าเป้าไปแล้ว และคาดว่าจะเติบโตต่อได้ในปี 66 โครงการซื้อหุ้นคืนเริ่มไปแล้ว และทำให้ราคาหุ้นเริ่มขยับ ประกอบกับผลดีจากการนำ SGC เข้า ตลท. ซึ่งจะช่วยในการเติบโตของ SGC และทำให้ SINGER มี สภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การถือหุ้น SGC ลดลง ทำให้ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรลง และทำให้ราคาพื้นฐานปรับลงมาด้วยเหลือ 42 บาท ยังมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบันมาก จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

สินเชื่อปี 65 เกินเป้าไปแล้ว และคาดปี 66 จะเติบโตต่อ

สินเชื่อของ SINGER ณ สิ้น 3Q65 อยู่ที่ 15.3 พันลบ. ซึ่งเกินกว่าเป้าของ SINGER ที่ตั้งไว้ว่าจะปล่อยสินเชื่อในปี 65 ให้ได้ 15 พันลบ. และทางฝ่ายคาดว่าด้วยการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจ การเปิดสาขาเพิ่ม รวมไปถึงการลงทุนใน Ecosystem ของ BRR น่าจะทำให้สินเชื่อของ SINGER เติบโตได้ต่อในปี 66 โดยทาง SINGER ได้ตั้งเป้าการเติบโตของกำไรในปี 66 ไว้สูงถึง 50%

การซื้อหุ้นคืนเริ่มแล้ว

SINGER ได้ประกาศซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินไม่เกินล้านหุ้น 180 จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 640 ลบ. หรือไม่เกิน 2.19 % ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยจะซื้อผ่าน ตลท. โดยเริ่มการซื้อหุ้นคืนไปแล้วในวันที่ 23 ธ.ค. 65 และจะซื้อไปถึง 23 มี.ค. 66 โดยได้ทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 1.7 ล้านหุ้น

การนํา SGC เข้าตลาดช่วยในการเติบโต

การนำ SGC เข้าจดทะเบียนใน ตลท. นอกจากจะทำให้ SGC ได้เงินทุนจากการ IPO แล้ว จะส่งผลดีต่อ SINGER ในแง่ที่ SGC จะนำเงินจากการ IPO บางส่วนมาชำระคืนหนี้กับ SINGER ซึ่งจะช่วยให้ SINGER มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ SINGER อาจจะมีการตีมูลค่าหุ้นของ SGC ใหม่ และทำให้มีกำไรจากการตีราคานี้ได้ แต่ทางฝ่ายยังไม่ได้รวมกำไรนี้ไว้ในประมาณการ

ปรับประมาณการกำไรลงจากการหักผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ SGC

การนำ SGC เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ถึงแม้ว่าจะช่วยในการเติบโตของทั้ง SGC และ SINGER แต่ก็ทำให้สัดส่วนการถือหุ้น SGC ของ SINGER ลดต่ำลงเหลือ 75% จากเดิมที่ถือ 100% ซึ่งจะทำให้มีการหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยออกจากงบของ SINGER ทางฝ่ายจึงได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 65 – 66 ของ SINGER ลงเหลือ 972 ลบ. และ 1.2 พันลบ. จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1 พันลบ. และ 1.4 พัน ลบ. ตามลำดับ แต่ก็ยังคิดเป็นอัตราการเติบโต 38.7% y-y และ 28.7% y-y ตามลำดับ

- Advertisement -