บล.บัวหลวง:

Advanced Info Service (ADVANC TB/ADVANC.BK)

ADVANC – กำไรหลักสูงกว่าคาดเล็กน้อย; คาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 กลับมาเติบโต YoY

กําไรหลักสูงกว่าที่เราคาดเล็กน้อย

ADVANC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 7.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 22% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/65 ซึ่งได้แก่ กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 572 ล้านบาท และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากเงินลงทุน 62 ล้านบาท กำไรหลักไตรมาสนี้อยู่ที่ 6.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 9% QoQ กําไรสุทธิสูงกว่าคาด 7% เนื่องจากกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มากกว่าคาด ในขณะที่กำไรหลักสูงกว่าคาด 3% เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการควบคุม และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย (ซึ่งได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงข่าย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไป) รายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และรายได้บริการหลักถือว่าเป็นไปตามที่เราคาด ในขณะที่ต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำกว่าที่เราคาดคิดเป็น 1% และ 2% ตามลำดับ

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เนื่องจากรายได้บริการหลักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปที่ลดลง (จากการควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน) และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย (จากอุปกรณ์โครงข่าย 3 จี ที่ทยอยหมดอายุจากการคิดค่าเสื่อมราคาหรือตัดจําหน่าย) กลบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายที่เพิ่มสูงขึ้น (จากค่าไฟฟ้าและค่าพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น) และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น (จากการใช้งบโฆษณาและการใช้เงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่กลับไปสู่ระดับปกติ) การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่าเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ถึงแม้ว่าดีมานด์การบริโภคในประเทศยังคงชะลอตัวจากภาวะเงินเฟ้อก็ตาม และถึงแม้ว่าการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงรุนแรงอยู่ แต่การยกเลิกและนำเอา “โทรฟรี” ออกจากแพ็กเก็จพรีเพดราคาต่ำ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการผลักดันให้รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

รายได้เฉพาะบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสนี้ลดลง 0.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1.4% QoQ (ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นถ้าเทียบกับที่ลดลง 0.3% YoY และ 0.4% QoQ ในไตรมาส 3/65) รายได้รวมเฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 213 บาท ลดลง 4.7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 0.5% QoQ (จากช่วงไฮซีซั่นนักท่องเที่ยวขาเข้าและขาออกที่เพิ่มมากขึ้น และการหันมาเน้นการทำกำไรในลูกค้าบางกลุ่ม) รายได้บริการหลักในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 1.3% YoY และ 2.1% QoQ หนุนโดยอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้าน (เพิ่มขึ้น 13.5% YoY) และรายได้ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรในส่วนที่ไม่ใช่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 13.3% YoY) จำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้าน ณ สิ้นไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 2.17 ล้านราย เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 4% QoQ ในขณะที่รายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านเฉลี่ยต่อรายต่อเดือนในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 407 บาท ลดลง 8% YoY และ 3% QoQ

แนวโน้ม

บริษัทให้เป้าผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 (ที่ไม่รวมงบ 3BB) ได้แก่ รายได้บริการหลัก “เพิ่มขึ้น 3-5%” และ EBITDA “เพิ่มขึ้น 4-6%” และงบลงทุนที่ 2.7-3 หมื่นล้านบาท เรามองว่าอัตราการเติบโตของรายได้บริการหลักที่ 3-5% ในปี 2566 จะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากกลุ่มท่องเที่ยว ผลประโยชน์จากการเปิดประเทศจีน และอัตราเงินเฟ้อที่ลดต่ำลง ในขณะที่ EBITDA ที่เติบโต 4-6% จะสะท้อนการเป็น “Cognitive Tech-Co” ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงผ่านการใช้ระบบโครงข่ายอัจฉริยะ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการและระบบไอที นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งบลงทุนโดยจะทำการลดแทรฟฟิกการใช้งานที่สร้างมูลค่าในระดับต่ำ และย้ายแทรฟฟิกการใช้งานดังกล่าวไปยังโครงข่าย 5 จี รายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านมีแนวโน้มเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักสำหรับในปี 2566 โดยเป้าหมายจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้าน ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 2.5 ล้านราย เราประมาณการกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ 3% QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เราทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 5% (ไปอยู่ที่ 2.64 หมื่นล้านบาท) และประมาณการ กำไรหลักปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 5% (ไปอยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านบาท) เพื่อสะท้อนประมาณการรายได้บริการหลักที่เพิ่มขึ้น (หรือเพิ่มขึ้นอีก 1.5% จากประมาณการก่อนหน้าไปเป็น 1.38 แสนล้านบาท) ซึ่งประมาณการรายได้บริการหลักที่ 1.38 แสนล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.4% YoY ราคาเป้าหมายซึ่งประเมินโดยวิธี DCF ณ สิ้น ปี 2566 ของเราปรับเพิ่มขึ้นอีก 4% (ไปเป็น 257 บาท)

คําแนะนํา

ADVANC ยังคงเป็นหุ้นที่เราชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มไอซีที เนื่องจากการคาดการณ์การฟื้นตัวของรายได้บริการในปี 2566 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับดีที่ 4%

 

- Advertisement -