บล.ฟิลลิป:

เอพี (ไทยแลนด์) – AP รุกเปิดโครงการหวังครองส่วนแบ่งเพิ่ม

Key Point

ปี 66 เปิดตัว 58 โครงการ รวมมูลค่า 77,000 ลบ. สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ กลยุทธ์แนวราบเน้นครองส่วนแบ่ง Luxury มากขึ้น ส่วนคอนโดฯ มั่นใจความต้องการเพิ่ม จากการจราจรติดขัด ค่าครองชีพแพง ตั้งเป้า Presale 58,000 ลบ. +15% y-y เป้ารายได้ 45,500 ลบ. +18% y-y GMP 33.9% ลดลงจากรายได้โอนสัดส่วนคอนโดลดลง คาดกำไรสุทธิ 6,959 ลบ. +18.4% y-y ราคาพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 14.4 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปี 66 เปิดตัวสูงสุดหวังกินส่วนแบ่ง

AP แผนธุรกิจปี 66 เปิด 58 โครงการ รวมมูลค่า 77,000 ลบ. +21% y-y โดยแบ่งเป็น ทาวน์โฮม 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ลบ. สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ตอกย้ำแบรนด์พัฒนาอสังหาฯ อันดับ 1 โดยมีกลยุทธเน้นบ้านแฝด 2-3 ชั้น ในโครงการบ้านกลางเมือง (3 ชั้น) ซึ่งยังคงเป็นผู้นำกินส่วนแบ่งการตลาดไปกว่า 60% และโครงการ Grand Pleno (2 ชั้น) ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มบ้านแฝด 2 ชั้น อยู่ใน TOP 3 ตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง, และปีนี้จะมีโครงการ Luxury คือ บ้านกลางเมือง CLASSE ที่จะเปิดตัวใน 3Q66 ราคาบ้านเฉลี่ย 15-25 ลบ.

บ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยฐานลูกค้าของ AP อยู่ในกลุ่ม Mid-high ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดบ้านระดับราคา 20 ลบ. ขึ้นไป ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ทำให้ AP เห็นโอกาสเน้นกลยุทธ์ขยายพอร์ตเดิมและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่ม Luxury มากขึ้น ในโครงการ THE CITY โดยเปิดตัวใน 1Q66 3 โครงการ และ Super Luxury House ภายใต้แบรนด์ Palazzo ระดับราคา 50-100 ลบ. และ BAAN KLANG KRUNG ระดับราคา 30-50 ลบ.

คอนโด 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ลบ. เป็น JV 2 โครงการ มูลค่า 8,000 ลบ. AP 2 โครงการ มูลค่า 3,800 ลบ. มั่นใจยอดขายปี 56 มากกว่าปี 65 จากการจราจรเริ่มกลับมาติดขัด และภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางและค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการในกลุ่มคอนโดฯ โดยเน้นระดับราคา 3-10 ลบ. มีแผนเปิดตัว JV 1 โครงการใน 2Q66 มูลค่า 3,500 ลบ. และ อีก 3 โครงการจะเปิดตัวใน 4Q66 รวมมูลค่า 8,300 ลบ. และยังมีโครงการพร้อมโอนในปีนี้อีก 4 โครงการ ในช่วง 1Q66 รวมมูลค่า 6,400 ลบ. และ 3Q66 รวมมูลค่า 9,800 ลบ.

เป้าปี 66 ยังโตต่อ

บริษัทตั้งเป้า Presale 58,000 ลบ. +15% y-y ทางฝ่ายฯ คาดรายได้ 45,182 ลบ. +16.76% y-y คาด ระดับ GPM ที่ 33.9% ดีขึ้นกว่าปีก่อนจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น เนื่องจากมีการเปิดโครงการ Luxury มากกว่าปีก่อน, ปีนี้ตั้งงบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาประมาณ 20,000 ลบ. +18%y-y, คาดกำไรสุทธิ 6,959 ลบ. +18.4%y-y

ราคาพื้นฐานปี 2566 ที่ 14.4 บาท/หุ้น อิง P/E 6.5 เท่า

ทางฝ่ายประเมินราคาหุ้นโดยใช้ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี เนื่องจากสะท้อนภาพของธุรกิจปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอยู่ที่เฉลี่ย 6.5 เท่า โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 อยู่ที่ 6,959 ลบ. EPS 2.21 บาท ราคาพื้นฐานปี 2566 อยู่ที่ 14.4 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ / อัตราการจ้างงาน / อัตราดอกเบี้ย
  2. ทำเลที่ตั้ง, ลักษณะโครงการ ความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัย
  3. นโยบายลงทุนภาครัฐฯ
- Advertisement -