TMILL ออกสตาร์ท Q1/66 กำไรสุทธิพุ่ง 109.6% พร้อมปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้น อัตราหุ้นละ 0.13 บาท

บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) TMILL  โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ  ออกสตาร์ทไตรมาสแรกปี 2566 ฟันกำไรสุทธิ 37.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.6%   จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กวาดรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10.5% ทะลุ 500 ล้านบาท พร้อมมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ บอร์ดเคาะปันผลหุ้นละ 0.13 บาท กำหนดจ่าย 25 พฤษภาคม นี้  

นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) TMILL เปิดเผยว่า  ผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ  37.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 19.49 ล้านบาท คิดเป็น 109.6%  เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 ที่มีผลกำไรสุทธิ 17.78  ล้านบาท   ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายอยู่ที่ 502.12  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 454.51 ล้านบาท  โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 8.7% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 1.8% ถึงแม้ปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 4.0% และ 8.7% ก็ตาม แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14.7% และ 23.6% ตามราคาตลาดที่ปรับสูงขึ้น

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกนี้ เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับขึ้นราคาจำหน่ายแป้งสาลีได้มากขึ้นกว่าต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นในงวดเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นการทยอยปรับราคาจำหน่ายขึ้นตามต้นทุนที่ได้ขึ้นมากกว่าราคาจำหน่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ ประกอบกับราคาจำหน่ายรำข้าวสาลีเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีก่อน สำหรับการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยในไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 66.20% ลดลง 3.04% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 69.24% เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ในการจำกัดการจำหน่ายแป้ง จากผลกระทบด้านราคาข้าวสาลีที่ปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา ราคาตลาดข้าวสาลีและแป้งสาลีปรับสูงขึ้นประมาณ 50% โดยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 โดยบริษัทฯ แบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วนไว้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อลูกค้าและผู้บริโภคปลายทางไม่ให้รุนแรงมากจนเกินไป จึงส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ก็ยังมีการปรับกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่าย เพื่อให้ยังคงความสามารถในการทำกำไร ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาส 1 ปี 2566นี้ มีการปรับราคาจำหน่ายแป้งสาลีขึ้นได้ใกล้เคียงกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 พิจารณาจ่ายเงินปันผลประจำปี โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.13 บาท กำหนดจ่ายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ จะพยายามสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมตอบแทนสังคมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ เป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงให้กับนักลงทุนตลอดไป

- Advertisement -