KS Daily View 04.12.2023 >>> SET อาจได้แรงหนุน จาก Bond Yield สหรัฐฯ ปรับลดลง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,370-1,400 จุด หุ้นแนะนำ AOT, GPSC

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA+0.82%, S&P 500 +0.59%, NASDAQ +0.55%โดยSector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Real estate (+2.12%), Industrials (+1.57%), and Consumer discretionary (+1.27%), ส่วน Sector ที่ Underperformได้แก่ Communication Services (-0.23%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +0.13 จุด หรือ +0.01% ปิดที่ 1,380.31 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ HANA (+4.47%), KCE (+3.81%), WHA (+3.00%), AMATA (+3.00%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ CPF (-4.02%), RATCH (-3.85%), BCPG (-2.25%), BTS (-2.07%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: ประเมินตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,370 – 1,400 จุด อาจปรับตัวขึ้นได้ตามแนวโน้มเชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดในปี 2023 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ10 ปี ปรับตัวลดลงที่ 4.197% จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ Core PCE ลดลงและเงินเฟ้อยุโรป CPI ลดลงเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของตลาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED และ ECB ในปีหน้า ปัจจัยเสี่ยงจากหุ้น DELTA ที่มีโอกาสหลุด SET50 ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับ SET Index ซึ่งการเคลื่อนไหวทุกๆ 1 บาทของหุ้น DELTA จะมีผลต่อ SET Index ประมาณ 1 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1) นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ออกมาตอบโต้ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกล่วงหน้าเมื่อวันศุกร์ ว่า “อาจยังเร็วเกินไปที่จะสรุปด้วยความมั่นใจว่าเราได้บรรลุจุดยืนที่เข้มงวดเพียงพอแล้ว หรือคาดว่านโยบายจะผ่อนคลายเมื่อใด”

2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯสำรวจโดย ISM เดือน พ.ย. ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 46.7เท่ากับเดือน ต.ค. แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 47.6 ซึ่งยังอยู่ในโซนหดตัวในภาคการผลิต

3) แบบจำลอง GDPNow คาดการ GDP สหรัฐฯ(อัตรารายปีปรับตามฤดูกาล) ในไตรมาส 4  ปี2566 จะเติบโต 1.2% ลดลงจาก 1.8% จากเดิมที่คาดไว้วันที่ 30 พ.ย.

4) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น 44.2% ในเดือน พ.ย. สูงสูดในรอบ 6เดือน และเพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ 43.1%

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,410จุด โดยภาพใหญ่ของตลาดจะยังคงถูกกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และจะเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก มีโอกาสจะทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจาก fund flow ของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาสะสมหุ้นไทย ดังนั้น เราแนะนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยเฉพาะตัว นำโดย BCH (ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท) TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 31.4 บาท)  GPSC (ราคาพื้นฐาน 53.0 บาท)

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: AOT (ราคาพื้นฐาน 76.63 บาท) หุ้นใน SET50 ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เดือนนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ A คาดกำไร 1QFY24 จะยังคงแข็งแกร่งจาก High tourism season มีแผนปรับเพิ่ม PSC ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2024 ของ international และdomestic passengers จาก 700 และ 100 บาท เป็น 730 และ 130 บาทจะส่งผลให้ประมาณการกำไรปี2567-68 เพิ่มขึ้น 2.5-4.5%

GPSC (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) หุ้นใน SET50 ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษีTESG เดือนนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AA คาดแนวโน้มรายได้ของ 1Q24 จะปรับตัวขึ้นหลัง กกพ.เคาะปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค. – เม.ย. 2024 ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย แต่รัฐบาลอาจจะลดราคาลง อย่างไรก็ตามหากขึ้นในระดับ 4.20 บาท มองเป็นบวกเล็กน้อยจากเดิมที่ 3.99 บาทต่อหน่วย แนวโน้มกำไร 4Q23 จะเติบโตขึ้น YoY จากขาดทุน723 ลบ. ใน 4Q22

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) ของยุโรปสำหรับเดือน ธ.ค. โดยเดือนก่อนหน้าที่ -18.6 จุด ต่อด้วยติดตามถ้อยแถลงของประธาน ECB นางChristine Lagarde ที่มีกำหนดการให้สัมภาษณ์ที่ Paris
  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการ (Caixin Service PMI) ของจีนสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 51.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.4 จุด ช่วงบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการ (Final Service PMI) ของยุโรปสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 48.2 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.8 จุด ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการ (ISM Service PMI) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 51.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 51.8 จุด และตัวเลขจำนวนงานที่กำลังเปิดรับสมัครหาแรงงาน สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 9.4 ล้านตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.55 ล้านตำแหน่ง
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail sales) ของยุโรปสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดขยายหดตัวลง -2.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว -2.9%YoY ต่อด้วยติดตามตัวเลขการจ้างงาน ADP ของสหรัฐฯสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 95,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 113,000 ตำแหน่ง
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขการค้าของจีนสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดยอดส่งออกหดตัว -5.1%YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -6.4% YoY และยอดนำเข้าตลาดคาดขยายตัว +4.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว +3.0% YoY ต่อด้วยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline Consumer Price Index – headline CPI) ของไทยสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ -0.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.3% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core Consumer Price Index – core CPI) ของไทยสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ +0.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.6% YoY
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลข GDP สำหรับไตรมาส 3/2566 ซึ่งเป็นรอบทบทวนครั้งสุดท้าย ตลาดคาดลดลง -0.5% QoQ เทียบกับตัวเลขที่ประกาศรอบก่อนหน้าที่ -0.5% QoQ ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (Non-farm payrolls) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 175,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 150,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 3.9% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.9% และปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่น (University of Michigan) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 61.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 61.3
- Advertisement -