บล.ฟิลลิป

ธนาคารกสิกรไทย – KBANK

การจัดการ NPL เริ่มเห็นผล

Key Point

4Q66 อาจจะยังเห็นการตั้งสำรองสูง รวมไปถึงมีการตัดหนี้สูญ และการขาย NPL ออกไปอีก ซึ่งทำให้ NPL ของ KBANK มีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ค่าเฉลี่ย NPL ของกลุ่มยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ คาดกำไร 4Q66 จะโตแรงเมื่อเทียบ y-y เนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลงมาก และมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ทรงตัว q-q ถึงแม้รายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายจะเข้ามามาก ยังคงประมาณการกำไร และยังคงราคาพื้นฐาน 166 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

มีความพยายามที่จะลดระดับ NPL ลงมาต่อเนื่อง

KBANK มีความพยายามที่จะลดระดับ NPL ลง โดยในปี 65 KBANK มีการตั้งสำรองสูงถึง 52 พันลบ. มีการตัดหนี้สูญไป 21.5 พันลบ. และมีการขาย NPL ออกไปถึง 72 พันลบ. ส่วน 9M66 ได้มีการตั้งสำรองไปแล้ว 38 พันลบ. มีตัดหนี้สูญไปแล้ว 9 พันลบ. และมีการขาย NPL ออกไปแล้วถึง 73.3 พัน ลบ. (ส่วนใหญ่ขายให้กับ JKAMC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง KBANK เองกับ JMT) ซึ่งทำให้ NPL 3Q66 ของ KBANK ลดต่ำลงเหลือ 3.11% จาก 2Q66 ที่มีอยู่ 3.2% และลดต่ำลงจาก 4Q65 ที่มี NPL อยู่ 3.19% ถึงแม้ว่า NPL ของ KBANK ในขณะนี้จะสูงกว่า NPL เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่มีอยู่ 2.93% แต่ NPL ของกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจาก 2Q66 ที่มี NPL อยู่ 2.9% และ 4Q65 ที่มีอยู่ 2.92%

มีความพยายามที่จะลดระดับ NPL ลงมาต่อเนื่อง

KBANK มีความพยายามที่จะลดระดับ NPL ลง โดยในปี 65 KBANK มีการตั้งสำรองสูงถึง 52 พันลบ. มีการตัดหนี้สูญไป 21.5 พันลบ. และมีการขาย NPL ออกไปถึง 72 พันลบ. ส่วน 9M66 ได้มีการตั้งสำรองไปแล้ว 38 พันลบ. มีตัดหนี้สูญไปแล้ว 9 พันลบ. และมีการขาย NPL ออกไปแล้วถึง 73.3 พันลบ. (ส่วนใหญ่ขายให้กับ JKAMC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง KBANK เองกับ JMT ซึ่งทำให้ NPL 3Q66 ของ KBANK ลดต่ำลงเหลือ 3.11% จาก 2Q66 ที่มีอยู่ 3.2% และลดต่ำลงจาก 4Q65 ที่มี NPL อยู่ 3.19% ถึงแม้ว่า NPL ของ KBANK ในขณะนี้จะสูงกว่า NPL เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่มีอยู่ 2.93% แต่ NPL ของกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจาก 2Q66 ที่มี NPL อยู่ 2.9% และ 4Q65 ที่มีอยู่ 2.92%

4Q66 อาจจะยังตั้งสำรองสูง แต่การตั้งสำรองทั้งปีน่าจะต่ำกว่าปี 65

ทางฝ่ายคาดว่าการตั้งสำรองของ KBANK ใน 4Q66 น่าจะยังคงสูงต่อเนื่อง จากความพยายามที่จะลด NPL ลงได้ต่อ ซึ่งน่าจะทำให้มีการตัดหนี้สูญ และการขาย NPL ออกไปอีก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองมารองรับ โดยคาดว่าจะมีการตั้งสำรองใกล้เคียงกับ 3Q66 ที่ประมาณ 12.8 พันลบ. และจะทำให้การตั้งสำรองทั้งปี 66 อยู่ที่ 26 พันลบ. ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มีการตั้งสำรอง 52 พันลบ. มาก

คาดกำไร 4Q66 โตแรง y-y แต่ทรงตัว q-q

จากการตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q66 เมื่อเทียบกับ 4Q65 นอกจากนี้รายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น ทำให้คาดว่ากำไร 4Q66 จะเติบโตสูงเมื่อเทียบกับ 4Q65 แต่เมื่อเทียบกับ 3Q66 คาดว่ากำไรจะทรงตัว ถึงแม้ว่าจะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แต่ค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเข้ามามากในไตรมาส 4 จะทำให้กำไรไม่เพิ่มสูงขึ้น

คงประมาณการกำไร และคงราคาพื้นฐาน แนะนำ “ซื้อ”

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ KBANK ไว้ที่ 42.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 18.2% y-y และคาดว่า ปี 67 การที่สินเชื่อน่าจะกลับมาเติบโต และการลดระดับการตั้งสำรองลงจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นอีก 11.4% y-y เป็น 47 พันลบ. ยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 166 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -