บล.พาย:

NER: North East Rubber PCL.

ราคายางดี มาชดเชยปริมาณที่อาจจะลดลง

เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เพราะคาดว่าผลประกอบการงวด 2Q24 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี ได้รับผลดีจากราคาขายที่เริ่มใช้ราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1Q24 ที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณขายยังคงใกล้เคียงกับ 1Q24 เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่ทำให้ปริมาณยางออกมาน้อยกว่าที่เคยคาดไว้ ขณะที่ผลประกอบการงวด 1Q24 มีกำไรสุทธิ 454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 44 %YoY จากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ด้วยภาวะแห้งแล้งทำให้ผู้บริหาร NER คาดว่าผลผลิตยางพารามีโอกาสจะออกมาน้อยกว่าปกติ แม้ว่าในช่วง 2H24 จะมีภาวะลานีญาก็ตาม ทำให้ประเมินว่าปริมาณขายทั้งปีจะออกมาต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 500,000 ตัน โดยจะรอข้อมูลที่ชัดเจนเสียก่อนจะทำการปรับประมาณการ (แต่อาจจะกระทบไม่มากเพราะราคาขายจะปรับตัวดีขึ้น)

1Q24 กำไรสุทธิ 454 ล้านบาท (+44%YoY, -2%QoQ)

  • NER มีกำไรสุทธิ 454 ล้านบาท (+44%YoY, -2%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นตัวเลขขาดทุนกว่า 22 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 476 ล้านุบาท (+57%YoY, +11%QoQ) ได้รับผลดีจากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง หลังการขายในไตรมาสนี้เป็นการขายในประเทศมากขึ้น
  • รายได้อยู่ที่ 6,542 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 4Q23 แต่เพิ่มขึ้น 5%YoY มีปริมาณขาย 114,609 ตัน (-10%YoY, -10%QoQ) เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ผลผลิตยางไทยออกมาน้อยลง แต่ได้รับผลดีจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มเป็น 57 บาท/กก. (+16%YoY, +10%QoQ),
  • กำไรขั้นต้นที่ 11.6% ดีขึ้นจาก 9.7% ใน 1Q23 และ 11.3% ใน 4Q23 ยังคงได้รับผลดีของราคาขายที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ยังมีต้นทุนราคาต่ำเหลืออยู่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 152 ล้านบาท (-15%YoY, -17%QoQ) เพราะปริมาณการส่งออกที่ลดลงทำให้มีค่าธรรมเนียมส่งออกยาง (เซสส์) ลดลง (ปริมาณส่งออกลดลง (41%YoY, -32%QoQ)
  • ดอกเบี้ยจ่าย 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2 %YoY, 3%QoQ ปี 24 แล้งสะสม แม้ฝนมาช่วงแรกผลผลิตอาจจะยังไม่มากจากเหตุภัยแล้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อน ขณะที่ปริมาณฝนน้อยกว่าปกติยาวนานถึงเดือน พ.ค. (มีการคาดว่าผลช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. จะน้อยกว่าค่าเฉลียกว่า 30% ในภาคอีสาน) ทำให้แม้ว่าในช่วง 2H24 จะเป็นช่วงลานีญาที่จะมีฝนตกเพิ่ม อาจจะทำให้ปริมาณยางออกมาไม่เป็นไปตามคาด ทางผู้บริหารจึงคาดว่าปริมาณขายทั้งปีอาจจะไม่ถึง 500,000 ตัน ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 3Q24 นี้ (ปริมาณขายไตรมาสดังกล่าวอาจจะต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 100,000 ตันได้) แต่การลดลงของปริมาณขายจะถูกชดเชยจากราคาขายที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 68-77 บาท/กก. ได้ (ปี 23 ราคาขายเฉลี่ยเพียง 50 บาท/กก.) จากผลดังกล่าวทำให้ NER มีการชะลอการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เดิมคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วง 2Q25 ไปเป็น 2H25 แทน

คงแนะนำ “ซื้อ” ระยะสั้นปัจจัยบวกจากผลประกอบการ 2Q24

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มีปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 2Q24 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อ ทั้งจากการรับรู้ผลดีของราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี (มาชดเชยปริมาณขายคล้ายๆที่เกิดในช่วง 1Q24) ทั้งนี้เรา ยังคงประมาณการทั้งปีไว้เท่าเดิมที่ 1,889 ล้านบาท (+22 %YoY) ก่อนเพื่อรอถึงความชัดเจนของการปรับปริมาณขายลงของทางผู้บริหาร (เราคาดปริมาณขายที่ระดับ 498,000 ตัน) โดยเราประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 7.1 บาท (7XPER’24E)

- Advertisement -