Daily Focus: Selective Play
2024 SET Target: 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด ดัชนีปิดบวกบางๆ 1 จุด ที่ระดับ 1,338.32 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงมาที่ 3.9 หมื่นลบ. กลุ่มที่ปรับตัวหนุนตลาด ได้แก่ ค้าปลีก ไฟแนนซ์ การแพทย์ ส่วนกลุ่มที่ชะลอ คือ ปิโตรเคมี ธนาคาร สถานะสุทธิของนักลงทุนรายกลุ่มเบาบาง โดยทั้งสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 277 ลบ.และ 121 ลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติยัง Short Index Futures เร่งขึ้นเป็น 1.5 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในแดนบวกได้โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,335-1,350 จุด หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลาย ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯเดือน พ.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดที่ 1.52 แสนตำแหน่ง ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศคืนวันศุกร์ ตลาดคาดที่ 1.85 แสนตำแหน่ง ซึ่งหากออกมาตามคาดจะเป็นระดับต่ำ 2 แสนตำแหน่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐฯที่ตึงตัวลดลง ทำให้ Bond Yield 10 สหรัฐฯปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดต่ำกว่า 4.3% และตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED เป็น 2 ครั้งปีนี้ จากไม่ถึง 1 ครั้งในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จำกัด Upside ของดัชนียังคงอยู่ที่การเมืองในประเทศ โดยวันที่ 12 มิ.ย. ติดตามศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบ/ไม่ยุบพรรคก้าวไกล ส่วนปัจจัยที่เรามองสำคัญที่สุดคือการวินิจฉัยคำร้องความเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน เพราะเป็นความเสี่ยงและมีผลต่อเสถียรภาพของ รัฐบาล กลยุทธ์ยังแนะนำถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบของปัจจัยในประเทศ
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU
หุ้นเด่น Finansia 6 มิ.ย. 24 : HANA
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
- ยังคงมุมมองเชิงบวกว่าผลการดำเนินงานน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 1Q24 และจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q24 แต่จะเร่งขึ้นใน 2H24 ภาพรวมกลุ่ม PCB ยังมีคำสั่งซื้อดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงงานลำพูนได้ market share เพิ่มขึ้น กอปรกับโรงงานที่จีน และ US ยังแข็งแกร่ง
- ประเด็นสหรัฐขึ้นภาษีจีน ผู้บริหารไม่ได้มองเป็นลบ อาจทำให้ order ย้ายมาที่โรงงานในไทยและกัมพูชาแทน เราคาดกำไร 2Q24 จะฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y และน่าฟื้นเร่งขึ้นใน 2H24 เมื่อคำสั่งซื้อ IC และ SiC กลับมาฟื้นมากขึ้น เราคาดกำไรปี 2024 ที่ 2.2 พันลบ. +9% y-y
- แนวรับ 39//38 บาท แนวต้าน 41//42 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$328 ล้าน แต่กระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$470 ล้าน และไหลออกจากไต้หวัน US$94 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทิศทางไหลออก นำโดยอินโดนีเซีย US$35 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้าบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลเข้าเร่งขึ้นหลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯเดือน พ.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด กด Bond Yield ปรับตัวลงต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) จับตาประชุม ECB คืนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. 2024 พรุ่งนี้ โดยตลาดคาด ECB จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.75% หลังเงินเฟ้อผ่อนคลายลงใกล้เป้าหมายของ ECB มากแล้ว ขณะที่ธนาคารกลางแคนนาดาได้ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% เป็น 4.75% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพอัตราดอกเบี้ยที่มีธนาคารกลางทั่วโลกมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ และส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นด้วย ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อไทย ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป +1.19% y-y เทียบกับ +0.19% y-y ในเดือน เม.ย. 2024 ขณะที่คาดเงินเฟ้อ พื้นฐานที่ +0.36% y-y ลดลงจาก +0.37% ในเดือน เม.ย. 2024 หากออกมาตามคาด เชื่อว่ากนง. จะยังดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 2.5% จนถึงสิ้นปี
(0) Update ราคาหมู ราคาหมูไทยวันอังคารที่ผ่านมาปรับลงแรง -8% w-w อยู่ที่ 66 บาท/กก. ลงจาก 72 บาท/กก.สัปดาห์ก่อน ราคาหมูไทยที่ปรับลงมาจากฝั่ง Supply ออกสู่ตลาดมากขึ้น เพราะฝนเริ่มตก เลยมีการระบายผลผลิตออกมาก่อนเกิดน้ำท่วม กอปรกับมีข่าวเรื่องจับหมูเถื่อนได้เพิ่ม ทั้งนี้ยังถือเป็นระดับคุ้มทุนถึงมีกำไรเล็กน้อย ส่วนราคาหมูจีนยังขึ้นต่อวานนี้ 18.4 หยวน/กก. +8% w-w สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ 16 หยวน เป็นบวกต่อ CPF เบื้องต้นเรายังคิดว่ากลุ่มหมู CPF TFG BTG ยังมีผลประกอบการ 2024 มีกำไรเร่งขึ้น เพราะราคาหมูปัจจุบันยังมีกำไร ขณะที่หมูเวียดนามและหมูจีนยังมีกำไร และต้นทุนการเลี้ยงปรับลง โดย CPF น่าจะมีกำไรเด่นสุด เพราะมีหมูจีนและเวียดนาม
(+) AWC เราคาดผลประกอบการทั้ง organic และ inorganic เป็นบวก ผลักดันกำไรปกติปี 2024 โตก้าวกระโดด 93% y-y อยู่ที่ 2.2 พันลบ. จาก OCC rate ที่แข็งแกร่ง มีเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ในปี 2024 และจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้น 14% นอกจากนี้เรายังคาดกำไร 2Q-3Q24 จะเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และคาด Organic RevPAR โต 2-4% ใน 2Q24 ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ปี 2024 ที่ 55 เท่า หากรวมกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทั้งหมดกว่า 3.5 พันลบ ในปี 2024 จะทำให้ PE ลดลงเหลือเพียง 21 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 96.04 จุด หรือ +0.25% ปิดที่ 38,807.33 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความหวังที่ว่าข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอจะทำให้เฟด เริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น ASML บริษัทผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์ ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามความคาดหวังบนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ในสัปดาห์นี้
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.09%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 74.07ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความหวังที่ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน และช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานสด็อก น้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 74.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.63%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 28.10 ดอลลาร์ หรือ 1.20% ปิดที่ 2,375.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอ ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,374.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.03%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 833.65/ +0.17%