SET ลงมาทำ new low รอบ 3 ปีครึ่ง … กลยุทธ์การลงทุน รับมืออย่างไรดี สำหรับสายเก็งกำไร และ สายลงทุน ?

คดีสำคัญทางการเมืองสามคดีที่สะเทือนตลาดหุ้นไทย ประกอบไปด้วย คดีนายทักษิณ ผิดมาตรา 112, คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา และ คดียุบพรรคก้าวไกล และ อีกสองประเด็นใหม่ นั่นคือ กระแสข่าวการสลับตัวผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) และ ประเด็นความกังวลหุ้นกู้ที่กลับมากดดันหุ้นขนาดกลาง-เล็กอีกครั้ง ดังนั้น

  • กรอบดัชนีระยะสั้น-กลาง : เรามองกรอบแนวรับใหม่ของ SET ที่ 1280-1350 จุด หลัง 5 ประเด็นข้างต้นกดดันจิตวิทยาการลงทุนหุ้นไทย
  • กรอบดัชนีสิ้นปี : เราปรับเป้าดัชนี SET สิ้นปีลงเป็น 1,480 จุด ซึ่งจะเท่ากับ P/E 15x ในปี FY25 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี จากเดิมที่ 1,560 จุด (P/E 15.9x FY25, -0.75SD) โดย Downside risk จะมาจากความวุ่นวายทางการเมือง, เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและการที่เงินทุนต่างชาติไหลออกเพิ่มขึ้น ส่วน Upside risk คือการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาใช้อีกครั้ง โดยหากพิจารณาในเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) อ้างอิงจากสถิติปี 2013-2024 ค่าสหสัมพันธ์ หรือ Pearson’s Correlation ระหว่าง SET Index กับเม็ดเงินของ LTF จะอยู่ที่ 0.79 หรือ 79% กล่าวคือ SET Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กับเม็ดเงินของ LTF ที่ไหลเข้า สัมพันธ์กันถึง 79% เมื่อคำนวณจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าเฉลี่ยของ LTF ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท และ Correlation ในอดีตที่ 0.79 SET Index ควรจะปรับตัวขึ้นได้ราว 35-40 จุดหากมีการนำกลับมาของ LTF อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

  • สำหรับสายเก็งกำไร : หลีกเลี่ยงกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ / ค้าปลีก / อสังหาริมทรัพย์ / ท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic play) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง และ แนะนำหุ้นส่งออก, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ (Global play) เราแนะนำ ITC PRM SAPPE HANA AAI
  • สำหรับสายลงทุน : เรามองเป็นจังหวะสะสมกลุ่มที่โดนกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือ Contrarian trade กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ / ค้าปลีก / อสังหาริมทรัพย์ / ท่องเที่ยวในประเทศ อย่างไรก็ดี ในกลุ่มอุตสาหกรรมข้างต้น
  • เราแนะนำหุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำในแต่ละกลุ่ม เราแนะนำ BBL ADVANC CRC LH AOT

Daily Global Market | 11 มิถุนายน 2024

In News:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow Jones ปรับตัวบวก 69.05 จุด ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับนิวไฮก่อนการประชุม FED และการเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
  • นักลงทุนจับตาการประชุม FED ระหว่างวันที่ 11-12 มิถุนายน รวมถึงถ้อยแถลงของประธาน FED เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลัง ECB มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับแต่กันยายน 2019
  • นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในปีนี้
  • นักลงทุนคาดว่า FED จะเลื่อนการปรับดอกเบี้ยในการประชุมจากเดือนกันยายนไปเป็นเดือนพฤศจิกายน ทำให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกและครั้งเดียวของ FED ในปี
  • ดัชนี CPI สหรัฐประจำเดือนพฤษภาคมจะเผยในวันพุธ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะบวก 0.1% MoM และปรับบวก 3.4% YoY ขณะที่ดัชนี Core CPI ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานคาดว่าจะปรับขึ้น 0.3% MoM และปรับบวก 3.5% YoY
  • สหภาพยุโรปวางแผนที่จะประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจุดชนวนสงครามการค้ากับปักกิ่ง การประกาศอย่างเป็นทางการคาดว่าจะออกมาเร็วที่สุดในวันพุธ หลังจากการสอบสวนเกี่ยวกับการอุดหนุนภาคส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ขณะที่จีนเตรียมรับมือกับภาษีดังกล่าวและคาดว่าจะตอบโต้ด้วยมาตรการที่ส่งผลต่อสินค้าส่งออกของสหภาพยุโรป เช่น คอนยัค และผลิตภัณฑ์นม
  • ตลาดหุ้นฝรั่งเศสได้รับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีฝรั่งเศส นาย Emmanuel Macron ประกาศยุบสภาพร้อมเลือกตั้งใหม่ หลังจากพรรคพันธมิตรสายกลางของเขาแพ้ให้กับพรรค National Rally ฝ่ายขวาจัดในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป
  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวน้อยกว่าคาดเล็กน้อยช่วง 1Q เนื่องจากการใช้จ่ายด้านทุนลดลงน้อยกว่าที่คาด แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแอจะยังคงหดตัวก็ตาม ตัวเลข GDP ปรับตัวลง 1.8% YoY จากคาดการณ์ที่ระดับ 2%
  • รัฐบาลญี่ปุ่นจะเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลาง และกำหนดนโยบายอย่างยืดหยุ่น ภายหลังการบริโภคที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ ด้วยการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้คงที่ตามเป้าหมาย 2% ของ BOJ ผู้กำหนดนโยบายจะพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง
  • ความเชื่อมั่นภาคบริการญี่ปุ่นแย่ลงในเดือนพฤษภาคมสู่ระดับที่ไม่มีใครเห็นในรอบเกือบสองปี เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและอาหารที่เพิ่มขึ้นจากเงินเยนที่อ่อนค่ากดดันการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคบริการประจำเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 45.7 ขยับลง 1.7 จุดจากเดือนก่อน และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียเพิ่มขึ้นช้ากว่าที่คาดเล็กน้อยเดือนเมษายนจากปีก่อนหน้า นำโดยการผลิตอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนเมษายนขยับเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2023

Stock Movement

  • หุ้น Apple Inc. (AAPL ND) ร่วงลง 1.91% แม้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจะเปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า Apple Intelligence ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปี โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะสามารถเขียนข้อความใหม่ สร้างภาพ และดำเนินการต่างๆ ได้ในหลายแอปพลิเคชัน
  • หุ้น Moderna Inc. (MRNA ND) ปิดลบ 1.60% ถึงแม้ว่าบริษัทไบโอเทคประกาศถึง วัคซีนสูตรผสมที่ป้องกันได้ทั้งโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ และตัวยามีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดยาแยกชนิดในระยะทดลองขั้นสุดท้าย
  • หุ้น GameStop Corp. (GME NYSE) ดิ่งลง 12.01% โดยร่วงลงอย่างต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลังยอดขายไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้หุ้นมีการผันผวน
  • หุ้น Southwest Airlines Corp. (LUV NYSE) พุ่งขึ้น 7.03% หลังจาก Wall Street Journal รายงานว่า Elliott Investment Management ได้เข้าซื้อหุ้นของสายการบินมูลค่าเกือบ USD 2 bn. และมีแผนที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท
  • หุ้นกลุ่มธนาคารฝรั่งเศสต่างปรับตัวร่วงลงจากข่าวการเลือกตั้ง หุ้น BNP Paribas SA (BNP EPA) และ Societe Generale SA (GLE EPA) ขยับลด 4.76% และ 7.46% ตามลำดับ
  • หุ้น Ashtead Group Plc. (AHT LON) ขยับตัวขึ้น 1.04% The Sunday Telegraph รายงานว่า ผู้ให้บริการอุปกรณ์อุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาเปลี่ยนการจดทะเบียนไปยังสหรัฐอเมริกา
  • หุ้น Volvo AB (VOLV-B STO) ปิดลบ 1.02% บริษัทย้ายฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนไปยังเบลเยียม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สหภาพยุโรปอาจจะประกาศใช้กับรถไฟฟ้าที่ผลิตในจีน การย้ายฐานการผลิตครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างสหภาพยุโรปและจีน
  • หุ้น AstraZeneca Plc. (AZN LON) ร่วงลง 0.048% นักวิเคราะห์จาก Berenberg กล่าวว่า การปรับปรุงด้านเนื้องอกวิทยาและชีวเวชเภสัชกรรมของบริษัทกำลังช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายรายได้ปี 2030 พร้อมปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 2030 สู่ระดับ USD 74 bn. ใกล้เคียงกับเป้าหมายบริษัทที่ USD 80 bn.

Sources: aastocks, briefing, businesstimes, cnbc, investing, japantoday, nasdaq, ryt9, thestandard

 

- Advertisement -