บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
TISCO FINANCIAL TISCO TB
2Q25 results at first glance
กำไรสูงกว่าคาด 4% จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ
TISCO รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 อยู่ที่ 1.64 พันลบ. ลดลง 6% y-y และทรงตัว q-q สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 4% และ 5% ตามลำดับจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงกว่าคาดจากค่าธรรมเนียมในธุรกิจ Bancassurance และเงินอุดหนุนจากโครงการคุณสู้เราช่วย อย่างไรก็ดี ต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit cost) ที่สูงถึง 96bp (เทียบกับที่เราคาดไว้ที่ 73bp) หักล้างปัจจัยบวกข้างต้นไปบางส่วน จากสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพที่ทรงตัวที่ 2.41% และแนวโน้มการก่อตัวของหนี้ด้อยคุณภาพขาลง เรามองว่า Credit cost ที่สูงใน 2Q25 เกิดขึ้นเพื่อเสริมสำรองหนี้สูญ กำไร 6M25 คิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา เราคงคำแนะนำถือ TISCO ที่ราคาเป้าหมาย 95 บาทจาก Credit cost ที่คาดว่าจะสูงขึ้นในปี 2025
Highlights
- (+) การเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ +0.9 y-y, +1.9% q-q และ +1.4% YTD โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญอยู่ที่สินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่ (กลุ่มสาธารณูปโภคและบริการ) และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือ HP (รถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสองและรถจักรยานยนต์) ในขณะที่สินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นปัจจัยถ่วงสำคัญ
- (0) ส่วนต่างดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.80% ใน 2Q25 (-2bp q-q) ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย ต้นทุนในการกู้ยืมลดลง 3bp q-q มาอยู่ที่ 2.22% ซึ่งเรามองว่าทำให้ TISCO สามารถเจาะตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ในไตรมาสนี้
- (+) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้น 8.4% q-q จากค่าธรรมเนียมในธุรกิจธนาคารและธุรกิจ Bancassurance ที่ดีขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งนี้ยังมีอีกปัจจัยขับเคลื่อนอยู่ที่เงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) สำหรับโครงการคุณสู้เราช่วย
- (+) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้อยู่ที่ 45.7% ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย
- (-) Credit cost อยู่ที่ 96bp ใน 2Q25 เทียบกับที่เราคาดไว้ที่ 73bp
- (0) สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.41% ใน 2Q25 (ทรงตัว q-q) ยังเป็นระดับที่เอื้ออำนวยในความเห็นของเรา ทั้งนี้หนี้ด้อยคุณภาพสูงขึ้นในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์
- เราได้รับข้อมูลเป็นกลางจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ของ TISCO พร้อมความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
ประเด็นเก็บตกสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์หลังผลประกอบการ 2Q25 ของ TISCO
- (0) โดยรวมเราได้รับข้อมูลเป็นกลางและเห็นความท้าทายรออยู่ข้างหน้าในส่วนปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจในช่วง 2H25
- ประเด็นสำคัญของที่ประชุมอยู่ที่ 1) ผลกระทบจากมาตรการคุณสู้เราช่วย 2) แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ และ 3) นโยบายเงินปันผลของ TISCO
- สำหรับมาตรการคุณสู้เราช่วย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 25 สินเชื่อที่ปรับโครงสร้างสำเร็จอยู่ที่ 4.0 พันลบ. (1.7% ของสินเชื่อรวมของ TISCO) โดยประมาณ 54% เป็นสินเชื่อทะเบียนรถยนต์, 42% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และ 4% เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย
- TISCO เปิดเผยว่าเงินอุดหนุนจากมาตรการคุณสู้เราช่วยอยู่ที่ประมาณ 40 ลบ. หรือ 8bp เทียบต่อ yield ของสินเชื่อ เทียบกับรายได้ดอกเบี้ย 100 ลบ. ที่ยกเว้นให้แก่ลูกค้า (15-20bp ต่อ yield ของสินเชื่อ) ใน 2Q25 ซึ่งทำให้ TISCO คาดว่าผลกระทบสุทธิต่อกำไรจะเป็นลบในปี 2026-27 หลังปรับการจัดชั้นหนี้ให้เป็นปัจจุบันใน 2H25 ทั้งนี้ TISCO ระบุว่าธนาคารฯ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง 80% ของหนี้ที่คาดว่าจะมีปัญหาไปแล้วใน 2Q25 ดังนั้นผลกระทบจากมาตรการคุณสู้เราช่วยต่อผลตอบแทนสินเชื่อจึงน่าจะสะท้อนไปแล้วเป็นส่วนมากใน 2Q25 ก่อนลดลงใน 3Q-4Q25
- ในอีกด้านเราและผู้บริหารของ TISCO เห็นพ้องต้องกันว่าต้นทุนในการกู้ยืมมีแนวโน้มลดลงในช่วง 2H25 หลังการปรับต้นทุนเงินฝากประจำ อย่างไรก็ดี ความเร็วในการลดจะขึ้นอยู่กับทิศทางของผู้ว่า การธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ด้วย
- ในด้านแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ แม้ว่าอัตราการก่อตัวของหนี้คุณภาพและสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพจะอยู่ในระดับที่เอื้ออำนวยก็ตาม TISCO ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์รวมเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ (การเติบโตที่อยู่ในระดับต่ำ ผลกระทบทางอ้อมจากภาษีนำเข้าของทรัมป์ ต่ออำนาจในการซื้อ ฯลฯ) อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากลักษณะความเสี่ยงในปัจจุบันและปัจจัยกดดันที่อาจเกิดขึ้น TISCO เชื่อว่าสัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพในปัจจุบันที่ 155% +/- จะยังให้กันชนที่มากพอ (เทียบกับขั้นต่ำที่ 140%) ทั้งนี้ เราเชื่อว่า Credit cost จะยังอยู่ในช่วง 90-100bp ในปี 2025
- เพื่อปกป้องคุณภาพสินทรัพย์ TISCO ได้เลือกที่จะขยายสินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งมีคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ แม้ว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะจำกัด Upside risk ของผลตอบแทนสินเชื่อรวมแต่จะไม่เพิ่มความเสี่ยงสำหรับ Credit cost รวม เนื่องจากเราคิดว่ามีความต้องการสินเชื่อเช่าซื้ออยู่จริงและเป็นความต้องการที่มีคุณภาพในภาวะตลาดที่หดตัว นอกจากนี้ ต้นทุนในการกู้ยืมที่เอื้ออำนวยยังทำให้ TISCO สามารถเจาะตลาดเช่าซื้อได้โดยมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น
- ประการสุดท้าย TISCO เชื่อว่าเงินปันผลต่อหุ้นจะทรงตัวที่ 7.75 บาทและมีความเสี่ยงต่ำที่เงินปันผลต่อหุ้นจะต่ำกว่า 7.75 บาทบนสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสุดที่ 100% (เราคาดกำไรต่อหุ้นปี 2025 อยู่ที่ 8.13 บาท) นอกจากนี้ TISCO ยังเชื่ออีกว่า ธปท. จะไม่เข้ามาแทรกแซงในส่วนของอัตราการจ่ายเงินปันผลของธนาคารต่าง ๆ ในอนาคตอันใกล้เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันและปัจจัยกดดันดูจะยืดเยื้อและไม่ได้เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเหมือนตอนโควิด 19 ในปี 2020 ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าการบริหารเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพในกลุ่มธนาคารน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า