บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Minor International (MINT.BK/MINT TB)*
เดินหน้าสู่อนาคตที่สดใส
Event : ประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลงบ 2Q68
lmpact
แนวโน้มเชิงบวกจะดำเนินต่อไปอีก 5 ปี
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจและแนวโน้มกำไรของ MINT หลังผลการดำเนินงานใน 2Q68 น่าพอใจ โดยมีกำไรปกติที่ 3.41 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.6% YoY และพุ่งขึ้นแรง QoQ ขณะที่กำไร 1H68 คิดเป็น 48.5% ของประมาณการทั้งปีของเรา นอกจากนี้ เราได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัทสำหรับผลประกอบการ 2Q68 ล่าสุดและยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานทั้งใน 2H68F และในระยะยาว
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจและได้มีการเน้นย้ำ ได้แก่
i) คาดกำไรหลักจะโตเป็นเลขสองหลักใน 2H68F ผู้บริหาร MINT คาดว่ากำไรใน 2H68F จะโตเป็นเลขสองหลัก โดยผลักดันจาก: i) การจองห้องพักล่วงหน้าใน 3Q ของธุรกิจโรงแรมในยุโรปและสหรัฐฯแข็งแกร่ง ii) คาดหวังรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ใน 4Q จะเติบโตดีทั้งในตลาดต่างประเทศและไทย iii) ธุรกิจร้านอาหารจะประสบผลสำเร็จในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ และ iv) ลดต้นทุนส่วนกลางและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ดีต่อเนื่อง
ii) การขยายธุรกิจด้วย asset-light model หลังจากบริษัทได้นำโมเดลธุรกิจแบบลดการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ (asset-light model) เข้ามาใช้ก่อนหน้านี้ MINT ก็มุ่งที่จะขยายธุรกิจด้วยรูปแบบดังกล่าวต่อไปทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหารตลอดช่วง 3-5 ปีข้างหน้านี้ โดยการใช้โมเดลนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรด้วยต้นทุนที่ได้ประโยชน์สูงสุด อีกทั้งคาดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะผลักดันในทำเลที่มีศักยภาพเติบโตแบบที่เห็นและจับต้องได้ (มีการลงนามสัญญาไปแล้ว >60 ฉบับ และกำลังเจรจาอีก >200 สัญญาของแผนการขยายโรงแรมในหลายประเทศ และการขยายธุรกิจร้านอาหารน่าพอใจโดยที่อินโดนีเซีย อินเดีย และจีนมีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง)
iii) กองทุน REIT และแผนการเงิน แผนในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จะเกิดขึ้นในปี 2569 รวมทั้งการถอนหุ้น NH ออกจากตลาดหลักทรัพย์สเปนจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท นอกจากนี้ MINT จะยังคงชำระหนี้ล่วงหน้าบางส่วนใน 2H68 ด้วย โดยที่ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยลดอัตราส่วน debt-to-equity ลงและมีความเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อหุ้นคืนในอนาคตเพื่อเพิ่ม ROE ให้สูงขึ้น
คงประมาณการกำไรปี 2568F และ 2569F
เมื่อพิจารณาจากผลกำไร 1H68 แล้ว เรายังคงประมาณการกำไรไว้ โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2568F จะอยู่ที่ 8.96 พันล้านบาท (+15.6% YoY) และปี 2569F ที่ 1.027 หมื่นล้านบาท (+14.6% YoY)
Valuation & Action
ปัจจุบัน เราเลือก MINT เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มนี้ โดยเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายกลางปี 2569F ที่ 33.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9x หรือ -1.0S.D.)
Risks
ความไม่สงบทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว