บล.ทรีนีตี้:
นอร์ทอีส รับเบอร์ – NER
กําไร 1Q25 ออกมาดี แต่ช่วงที่เหลือของปี อาจจะชะลอตัว ลูกค้าชะลอคําสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนของภาษี
- ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ และปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า แนวโน้มกำไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป และความไม่แน่นอนของภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายได้ โดยราคาหุ้นเคยทำจุดสูงสุดในปีนี้ 5.05 บาท ก่อนปรับลดลงกว่า -15% ในช่วงเดือนเมษายน ที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี
- NER รายงานกำไรใน 1Q25 สดโดดเด่นที่ 609 ล้านบาท +34% YoY, +69% QoQ ซึ่งไตรมาสก่อนมีผลของ Fx Loss ค่อนข้างมาก ในขณะที่ไตรมาสนี้มีผลของ Hedging gain ถ้าไม่รวมผลของรายการดังกล่าวกำไรปกติอยู่ราว 595 ล้านบาท +25% YoY, +23% QoQ โดยเพิ่มขึ้น YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เพิ่มขึ้น QoQ จากราคาขายที่ปรับขึ้น
- แนวโน้ม 2H25 ยังท้าทาย ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูของภาษีสหรัฐฯ ทั้งนี้ผู้บริหารยังคงเป้าที่ 5 แสนตัน เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปีที่ 1.8 พันล้านบาท แต่อาจจะมี Downside ถ้าผลของภาษีสหรัฐฯ พ้น 90 วันแล้วยังไม่มีข้อยุติ
Result Preview:
NER รายงานกำไรใน 1Q25 สุดโดดเด่นที่ 609 ล้านบาท +34% YoY, +69% QoQ ซึ่งไตรมาสก่อนมีผลของ Fx Loss ค่อนข้างมาก ในขณะที่ไตรมาสนี้มีผลของ Hedging gain ถ้าไม่รวมผลของรายการดังกล่าวกำไรปกติอยู่ราว 595 ล้านบาท +25% YoY, +23% QoQ โดยเพิ่มขึ้น YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เพิ่มขึ้น QoQ จากราคาขายที่ปรับขึ้น
ปริมาณขายไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.2 แสนตัน +10% YoY, -6.6% QoQ ลดลง QoQ จากช่วงไตรมาส 4 เป็น high season ของธุรกิจ
Gross Margin อยู่ที่ 10.6% ปรับดีขึ้นจาก 4Q24 ที่ 8.8% จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
Tariff Impact
ผลของการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ นั้นไม่ได้กระทบต่อบริษัทโดยตรง 1) สินค้าที่เป็นยางแผ่นรมควันไม่โดนภาษีนำเข้า 2) แม้สินค้าปลายทางอย่างยางล้อรถยนต์จะโดนภาษี แต่ผู้ค้าผลิตยางล้อรถยนต์ที่ส่งไปยังสหรัฐฯ มีเพียงแค่ 4-5% และถึงแม้สหรัฐฯ จะเลิกนำเข้ายางล้อรถยนต์จากประเทศคู่ค้า แต่หากดูแต่การผลิตยางล้อนั้น วัตถุดิบยางส่วนใหญ่ 70% มาจากประเทศไทย ดังนั้นแล้วว่าจะมีทางอยู่บ้างไว้ วัตถุดิบยางจากประเทศไทยก็แทบไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผลกระทบทางอ้อมที่เกิดขึ้นคือ ลูกค้ามีการชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะคำสั่งซื้อในเดือนเมษายนลดเหลือเพียง 60% และคำสั่งที่สหรัฐฯ และจีนมีอายุเฉลี่ยเพียง 90 วัน คำสั่งซื้อกลับมีแค่เป็น 75%
ผู้บริหารยังคงเป้า 5 แสนตัน และชะลอการลงทุนโรงงานใหม่
ผู้บริหารยังคงเป้าปริมาณขายทั้งปีที่ 5 แสนตัน โดยปัจจุบันขายส่งหน้าไปแล้วกว่า 4 แสนตัน และมีงบลงทุนเดิมสำหรับโรงงานใหม่ไปอย่างน้อยอีก 6 เดือนเพื่อรอดูภาวะชัดเจนของภาษี ทั้งนี้เบื้องต้นเรายังคงเป้าไว้ทั้งปีที่ 1.8 พันล้านบาท แต่อาจจะมี downside risk ถ้าผลของภาษีสหรัฐฯ หลังจาก 90 วัน แล้วยังมีความชุมแนงมากขึ้น
ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 4.50 บาท
ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ และปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า
แนวโน้มกำไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป และความไม่แน่นอนของภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายได้ โดยราคาหุ้นเคยทำจุดสูงสุดในปีนี้ 5.05 บาท ก่อนปรับลดลงกว่า -15% ในช่วงเดือนเมษายน ที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี
ความเสี่ยง: ความผันผวนของราคา ยาง ปริมาณขายยางรถยนต์ และสงครามการค้า