แรงหนุนจากตลาดหุ้นในภูมิภาค
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก แรงหนุนจากแรงซื้อในกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น พลังงาน ธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 1.76%, 0.79%, 1.40%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แรงหนุนจากความเห็นของนางคลิสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งย้ำถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของยูโรโซนในปีนี้ ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 1.00%, 0.64%, 0.51%, 0.71%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่ยังไม่มีความคืบหน้า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค มีแรงขายในกลุ่มหุ้นขนาดใหญที่มีผลต่อดัชนีจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ เช่นธนาคารพาณิชย์ KBANK, SCB, BBL ปิโตรเคมี PTTGC, SCC, IVL พลังงาน PTT, PTTEP, BANPU, TOP โรงไฟฟ้า GPSC, EA สื่อสาร ADVANC และสนามบิน AOT กังวลเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
หลังนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งเขาเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปีนี้จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3% และ 2.5% ในปีหน้า นักลงทุนติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
รวมถึงการแถลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการใช้นโยบายการเงินของเฟด การปล่อยกู้ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์โควิด-19 นอกจากนี้นักลงทุนยังติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายรายในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ในสัปดาห์นี้ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย. จากมาร์กิต ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดที่เฟดใช้ในการพิจารณาเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมีกำหนดหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีในวันพุธนี้ เพื่อเสนอข้ออุปสรรคต่างๆ หรือเงื่อนไขในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) รวมถึงกลุ่มค้าปลีก ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ การอัดฉีดสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบของสถาบันการเงิน และโครงการโกดังพักหนี้ ต้องการให้ภาครัฐออกนโยบายกลางออกมาให้สถาบันการเงินปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม และขอให้มีการปรับเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ จะมีการหารือกับสถาบันการเงินก่อน เพื่อหารือเพิ่มเติมกับกระทรวงการคลัง ธปท. และสศช. ให้ได้ข้อสรุป
เรามองภาครัฐกำลังจัดการกับหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ ในขณะที่ปัญหาหนี้ของ SMEs เป็นหนึ่งในปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เนื่องจากการระบาดระลอก 3 ยังคงยืดเยื้อมากกว่าคาด เชื่อว่าภาครัฐจะเป็นตัวกลางที่จะช่วยส่งเสริมให้เอกชนสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ในที่สุด
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่า ฟื้นตัว แต่อาจจะมีแรงขายทำกำไรเมื่อดัชนีฟื้นตัว
กลยุทธ์การลงทุน
Trading: ดีดกลับไม่ข้ามแนวต้านแถวๆ 1,630 จุด แนะนำขาย