รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนบดบังปัจจัยต่างประเทศที่บวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้:
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ยังปรับลง ปิด -3.05จุด ที่1582.67จุด มูลค่าบาง68 พันลบ.ตลาดลงต่ำกว่าเพื่อนบ้านซึ่งส่วนใหญ่ปรับขึ้น ช่วงเช้ามีการรีบาวด์ดีตามต่างประเทศ แต่บ่ายมีแรงขายกังวลว่ารัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯหรือไม่ ตระหนกต่อภาวะเตียงไม่พอ การเมือง-แก้รัฐธรรมนูญ,การชุมนุม หุ้นขึ้นดีBDMS,VIBHA ปรับลงแรง KCE,SPRC โบรกเกอร์ซื้อสุทธิ0.4 พันลบ. ต่างชาติขายสุทธิ0.5 พันลบ.YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่ม 71 พันลบ.

ปัจจัยบวก
ดัชนีใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานพ.ค.ต่ำกว่าคาดเป็น +0.5% m-o-m คลายความกังวลด้านเงินเฟ้อ ดาวโจนส์ +237 จุด
WTI ปิดบวก 75 เซนต์ขานรับแนวโน้มดีมานด์เพิ่มตามเศรษฐกิจฟื้นตัว

ปัจจัยลบ
รัฐประกาศยกระดับความเข้มข้นมาตรการคุมโควิดแพร่ระบาด เริ่ม 28 มิ.ย. เป็นเวลา 1 เดือน ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจชะลอลง
วันนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากถึง 5,406 ราย แต่เสียชีวิตมีจำนวนลดลงเป็น 22 ราย

ปัจจัยที่น่าติดตาม
• วันนี้เริ่มมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน จะช่วยแก้ปัญหาได้มากน้อยเพียงใด และการฉีดวัคซีนหมู่จะทยอยเห็นผลดีเมื่อใด หลังฉีดไปแล้วกว่า 8 ล้านราย

# กลยุทธ์: คาด SET แกว่งตัวเชิงลง สะท้อนผลลบมาตรการล็อกดาวน์-ยังมี Window Dressing หรือไม่-ปัจจัยต่างประเทศดีแม้ปัจจัยต่างประเทศค่อนไปทางบวกคือดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ออกมาต่ำกว่าคาด คลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แต่ปัจจัยภายในประเทศ เรื่องการล็อกดาวน์บางส่วน คือ ปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน และคุมเข้มห้ามชุมนุมเกิน 20 คน และกลับมาห้ามรับประทานอาหารในร้าน ก็จะส่งผลลบโดยตรงกับหุ้นกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม และผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งส่งผลลบทางอ้อมกับหุ้นเปิดเมือง หากปัญหายังไม่จบสิ้นไป ด้านบอนด์ยิลด์ปรับตัวขึ้นไปไม่มาก ดัชนีกังวลยังต่ำที่ 15.6 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับลง แต่ DJ Future บวกเล็กน้อย คำแนะนำคือ ให้ระวังจุด Stop Loss ที่ 1580 หากหลุด แนะนำให้ลดพอร์ตบางส่วน เพื่อไปรับด้านล่าง ติดตาม Window Dressing และความคืบหน้ามาตรการรัฐ คนละครึ่งจะเลื่อนหรือไม่ รวมทั้งภูเก็ตแซนด์บอกซ์

# Stock Pick Today: STGT โรค DELTA รุกหนัก เพิ่มความต้องการใช้หลายประเทศกลับมาเกิดโรคระลอกใหม่ซึ่งโรคนี้ติดง่ายกว่าเดิม ทำให้อุปสงค์ถุงมือยางมีมาก อีกทั้งบริษัทสามารถกลับมาทยอยกลับมาเปิดโรงงานได้ทั้งที่ตรัง และสุราษฏร์ฯหลังปิดไปจากการที่คนงานติดเชื้อ อีกทั้งเงินบาทที่อ่อนส่งผลบวกต่อการส่งออกด้วย หลังสะท้อนเรื่องปิดโรงงาน ราคาพื้นฐานเป็น 59.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีDCF นอกจากนี้คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 64 ยังสูงเป็น 8.5%

#วิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ(โดยมีสัญญาณ Overbought + Divergence”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“แนวรับย่อย1580+/-”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้แนวต้าน 1590 –1600 (หรือ1610) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า1580” (แนวเด้งสั้น “1570 / 1560 –1550”) จุด}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ดัชนีใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานพ.ค.ต่ำกว่าคาดเป็น +0.5% m-o-m
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปีซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2535 หรือสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%
# ส่วนดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561

+ สหรัฐ: การใช้จ่ายส่วนบุคคล พ.ค.ทรงตัว หรือเพิ่ม 0%ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด +0.5%
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลลดลง 2% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลง 2.7%

+/- สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค มิ.ย.ดีดตัวเป็น 85.5 สูงกว่า พ.ค.ที่ 82.9 แต่ต่ำกว่านวค.คาด
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 85.5 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าระดับ 82.9 ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 86.5

+ สหรัฐ: ข่าวงบโครงสร้างพื้นฐานของไบเดนที่วุฒิสภายอมรับ ยังช่วยหนุนตลาด
# ข่าวการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานระหว่างวุฒิสภาสหรัฐและประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อวันพฤหัสบดี (24 มิ.ย.) ยังคงช่วยหนุนตลาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัสดุและอุตสาหรรมปรับตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว

+ ยุโรป: หุ้นยุโรปวันศุกร์ปิดบวก ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
# ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มวัสดุที่ปรับตัวขึ้น ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังจากสหรัฐบรรลุข้อตกลงในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานนอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ยืนยันที่จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป แม้มีสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็ตาม

+ จีน: S&P ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนไว้ที่ระดับ A+/A-1
# เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนไว้ที่ระดับ A+/A-1 พร้อมกับให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ โดย S&P คาดการณ์ว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ เศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีรายได้ปานกลาง

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 237.02 จุด หุ้นไนกี้-หุ้นแบงก์หนุนตลาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 25 มิ.ย.และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไนกี้และหุ้นธนาคารหลายแห่ง ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ช่วยคลายความวิตกของบรรดานักลงทุนที่กังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าคาด

+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 75 เซนต์ ขานรับแนวโน้มดีมานด์เพิ่มตามเศรษฐกิจฟื้นตัว
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 25 มิ.ย.โดยปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันเนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งจะกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในเดือนส.ค.

• ทองคำ: ปิดบวก 1.1 ดอลลาร์ ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มหนุนราคา
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- นายกฯประกาศล็อกดาวน์บางส่วน ยกระดับคุมเข้มกทม.-ปริมณฑล ปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน
# นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เผยจะยกระดับมาตรการคุมเข้มในกทม.-ปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดภาคใต้พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนลดการเดินทางข้ามจังหวัดในระยะนี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง ขณะเดียวกันจะล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างทั้งหมดเป็นเวลา 1 เดือน
# เป็นบวกในแง่ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ที่ปัจจุบันสูงมาก แต่เป็นลบ อาจทำให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตังลง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดน้อย

+/- รัฐประกาศยกระดับความเข้มข้นมาตรการคุมโควิดแพร่ระบาด เริ่ม 28 มิ.ย. เป็นเวลา 1 เดือน
# ล็อกดาวน์ปิดแคมป์ก่อสร้าง 30 วัน จ่ายค่าแรง 50% เฉพาะคนงานที่ไม่ย้ายสถานที่
# ห้ามนั่งทานอาหารในร้าน ให้กลับบ้านได้เท่านั้น
# ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดได้ถึงเวลา 21:00 น. ผับและบาร์ปิดเหมือนเดิม
# ห้ามทำกิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 20 คน ยกเว้นได้อนุญาต

+ FETCO ปรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) สิ้นปี 64 เพิ่มเป็น 1,680 จุด เดิม 1,650 จุด
# สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ปรับประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) สิ้นปี 64 เพิ่มเป็น 1,680 จุด จากเดิมที่1,650 จุด และคาดว่าในปี 65 ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นกลับไปแตะระดับ 1,800 จุด ได้อีกครั้ง เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อจากครึ่งปีแรก และภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องยังมีอยู่มาก อัตราดอกเบี้ยต่ำ และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโต

+ ก.ล.ต. เตรียมเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล และเท่าทันเทคโนโลยี
# สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. 4 ฉบับ เพื่อส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล และยกระดับประสิทธิภาพการกำกับดูแลให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมของตลาดทุนในยุคดิจิทัล และให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน รวมทั้งส่งเสริมการระดมทุน และการประกอบธุรกิจในตลาดทุน

-/+ TRUBB: บอร์ดอนุมัติการเพิ่มทุนทั้ง RO และ PP และนำบ.ย่อยเข้าตลาดฯ
# บอร์ด TRUBB อนุมัติแผนนำ” เวิลด์เฟล็กซ์” บ.ย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดยื่นแบบคำขอภายในQ3/64-ออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 340,739,842 หุ้น ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วนการจัดสรร 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน136,295,937 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายที่ 2.20 บาทต่อหุ้น -รองรับTRUBB-W2 และขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP)

# ผลกระทบ: เป็นลบ โดยเฉพาะในช่วงตลาดหุ้นไม่สดใส ย่อตัวลง เป็นการรบกวนเงินในกระเป๋า (Cash Call)สำหรับ Dilution Effect เป็น 16.7% เฉพาะในส่วน RO และยังมีส่วนจาก PP อีก สำหรับวอร์แรนท์คือ TRUBBW2 จะจัดสรรให้กับผู้ที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 1:1 ไม่คิดมูลค่า อายุ 3 ปีราคาใช้สิทธิ์ 6.00 บาท ถือว่าสูงกว่าราคาหุ้นแม่ปัจจุบันมากที่ 2.68 บาท จึงดูแล้วน่าสนใจน้อยลง แต่การนำบ.ย่อย ” เวิลด์เฟล็กซ์” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะทำให้สามารถมองเห็นมูลค่าหุ้นได้ในอนาคต (Unlock Value) ถือว่าเป็นบวกในระยะยาว

- Advertisement -