รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ปรับลงต่อ
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน SET Index วันจันทร์ปรับลงต่อ… ตามจิตวิทยาเชิงลบจากตัวเลขติดเชื้อ COVID-19 ที่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในวันนี้ ผนวกกับมาตรการควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจใน กทม. ที่เพิ่งประกาศออกมา… ส่งผลให้ธีมการลงทุนเกี่ยวกับการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอ่อนแอลงในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยต่างประเทศที่เป็นบวกมากขึ้น + การที่ดัชนีฯ ปรับลดลงมาระดับหนึ่งแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมองความเสี่ยงทางลงของดัชนีฯ มีจำกัด และเรายังคงมุมมองว่าความเสี่ยงทางลง (price downside) รอบนี้อยู่ที่ 1,550 จุด

ปัจจัยต่างประเทศ – เป็นบวกเล็กน้อย:
i) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE inflation เดือน พ.ค. อยู่ที่ 3.4% YoY ซึ่งเป็นไปตามที่ consensus คาดการณ์ และนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว และจะค่อยๆ ชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ii) ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวขึ้น หนุนโดยมุมมองต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก น่าจะช่วยประคองหุ้นเชื่อมโยงสินค้าโภคภัณฑ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง…

ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามการประชุมของ OPEC+ ในวันที่ 1 ก.ค. ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับปริมาณการผลิตน้ำมันหรือไม่ อย่างไร

ปัจจัยในประเทศ – เป็นลบ:
i) เมื่อวันอาทิตย์ ศบค. ประกาศเพิ่มระดับคุมเข้มใน กทม. โดยห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน และเพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับการรวมกลุ่มและการชุมนุม รวมทั้งมีการปิดแคมป์คนงาน… มาตรการต่างๆ ดังกล่าวจะกินเวลา 1 เดือนนับจากนี้ (อ่านความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มอุตฯ ที่ได้รับผลกระทบ ใน Weekly Strategy report วันนี้)

ii) เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 พุ่งขึ้นสู่ 5,406 ราย (จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 5,397 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ 9 ราย)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SCGP*, PSTC, MAJOR*
SCGP* (เป้า Consensus 60.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 56.5 บาท / แนวต้าน 59 – 60.5 บาท (Stop loss 55 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากมาตรการภาครัฐฯล่าสุด (ไม่ให้ทานอาหารที่ร้าน) คาดจะทำให้ Demand Food delivery เพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งสินค้า E-commerce 3) คาดประมาณการฯใน Bloomberg consensus มี Upside จากดีล M&A ในอนาคต โดย Consensus คาดกำไรปี 2565 โต +17.3% YoY เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท (Forward PE 23.5 เท่า)

PSTC (เป้า Consensus 4.25 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.6 บาท / แนวต้าน 2.8 – 3.0 บาท (Trailing stop 2.6 บาท) 2) Consensus ประเมินกำไรปี 2565 จะเติบโต +216% YoY เป็น 351 ล้านบาท จากการเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน 4Q64 นี้ (คาดรายได้ 1.5 – 2 พันล้านบาทต่อปี / อัตรากำไรขั้นต้น ±40%) ขณะที่ PBV ยังเทรดต่ำเพียงใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี 1.09 เท่า

MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 28.25 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 23.6 บาท / แนวต้าน 25.5 – 26.5 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินแนวต้านถัดไป 28 บาท (Stop loss 23.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1H64 เป็นจุดต่ำสุด และคาดจะฟื้นใน 2H64 (คาดกำไร 2H64 ชดเชยผลขาดทุนใน 1H64 ได้) และคาดผลการดำเนินงานจะกลับมาเป็นปกติในปี 2565 (Forward PE ปีหน้าจะต่ำกว่า 20 เท่า) โดยคาดหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องถูกเลื่อนจากปี 2563 มาฉายใน 2H64 – 2565 3) ราคาหุ้น Laggard บ.ลูก SF โดย SF ปรับขึ้นแล้ว +116% YTD ขณะที่ MAJOR* ปรับขึ้นราว +31% YTD (MAJOR* ถือหุ้น SF 29.6%) ซึ่งหากกรณีดีลขายหุ้น SF เป็นจริงตามข่าว คาดว่ามีโอกาสที่ MAJOR จะจ่ายปันผลพิเศษ

หุ้นมีข่าว
(-) สผ. สิ้นหวังเข้าเอราวัณ รัฐเจรจา ‘เชฟรอน’ ล่ม (ข่าวหุ้น) PTTEP* เผยสิ้นหวังเข้าติดตั้งแท่นผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ พร้อมก้มหน้าหาก๊าซฯ จากแหล่งอื่นมาชดเชยหลังไม่สามารถผลิตก๊าซฯ ได้ตามสัญญา PSC ในปี 65 เหตุ “กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” เจรจา “เชฟรอน” ไม่สำเร็จ เพราะเชฟรอนต้องการจ่ายค่ารื้อน้อยลงจากแท่นที่ใช้งาน แต่ “ก.พลังงาน” ไม่ยอม ยันต้องจ่ายเต็มจำนวน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท
(+) MAJOR* ลุ้นปันผล4บ. กำไรขาย SF 4.4 พันล. (ข่าวหุ้น) จับตาดีล CPN* ซื้อหุ้น SF จาก MAJOR* หลัง CPN* รับอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลซื้อหุ้น SF โบรกฯ ชี้หากดีลสำเร็จ ประเมินส่งผลบวกต่อ MAJOR* คาดฟันกำไรพิเศษ 4,400 ล้านบาท จากต้นทุนเฉลี่ยราว 5 บาท หากอิงราคาขาย 12 บาท ลุ้น MAJOR* นำเงินจ่ายปันผลพิเศษ 50% หรือคิดเป็นปันผลหุ้นละ 4 บาท ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 17%
(0) GULF ตั้งโต๊ะซื้อ ‘อินทัช-AIS’ ทันที มั่นใจจ่ายปันผลสม่ำเสมอ หนุนโตระยะยาว (ข่าวหุ้น) GULF* เตรียมตั้งโต๊ะเทนเดอร์ INTUCH* ราคาหุ้นละ 65 บาท และ ADVANC* (AIS) ราคาหุ้นละ 120.93 บาท ในทันที หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวโหวตผ่าน 99.73% มั่นใจลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ จ่ายปันผลสม่ำเสมอ หนุนเติบโตในระยะยาว
(-) ศาลคดีทุจริตฯรับไต่สวน AOT* แก้สัมปทานดิวตี้ฟรี เอื้อประโยชน์ ‘คิงเพาเวอร์’ (ข่าวหุ้น) ศาลฯ รับไต่สวน คดีผู้ถือหุ้น AOT* ร้องประธานบอร์ดร่วมกับพวก 14 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แก้ไขสัมปทานดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์เอื้อประโยชน์ “คิงเพาเวอร์” นัดตรวจหลักฐาน 15 ก.ย. 64 และไต่สวนนัดแรก 4 ต.ค. 64
(+) LPH เตรียมทุ่มงบฯไม่เกิน 800 ล้านบาทซื้อ รพ.เอกชน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) LPH เผยดีล M&A โรงพยาบาลเอกชนคืบหน้า เตรียมเซ็น MOU และทำดิวดิลิเจนท์เร็วๆ นี้ พร้อมสรุปดีลไม่เกินสิ้นปี คาดใช้งบไม่เกิน 800 ล้านบาท ขณะที่มั่นใจงบครึ่งปีหลังคาดโตต่อเนื่อง หลังได้โควตาผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้นและรับรู้รายได้ค่าฉีดวัคซีนโควิด-19 เตรียมขยายบริการ Hospitel เพิ่ม 100 เตียง
(+) HTECH บุกตลาดรถ EV ฮาร์ดดิสก์ทั่วโลกผงาด (ทันหุ้น) HTECH พร้อมลุยตลาด EV Car ชี้จากนี้ต้องใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูง ขณะที่ส่งออก HDD พุ่งแรงต่อเนื่อง ดีมานด์ Cloud Service IOT Data Center สูง 5 ปี โตเฉลี่ย 32% ปลายปี 2564 รายได้สหรัฐเข้าหนุน ส่วนเวียดนามคาดติดตั้งเครื่องจักรปลาย Q3/2564 โบรกมองรับอานิสงส์ HDD ทั่วโลกโตดี พร้อมแรงส่ง EV Cars ซึ่งจะทำให้กิจกรรมตัดเฉือนโลหะเพิ่ม

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดล๊อกกำไรหากราคาปิดต่ำกว่า Trailing stop: BEC* (Trailing stop 13 บาท)
SIRI (เป้า Consensus 1.02 บาท … สูงสุด 1.60 บาท) แนวรับ 1.3 บาท / แนวต้านแรก 1.42 – 1.5 บาท (Stop loss 1.3 บาท)
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.2 บาท / แนวต้าน 3.4 บาท (Stop loss 3.2 บาท)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 70 บาท) แนวรับ 60 บาท / แนวต้าน 61.5 – 63 บาท (Stop loss 60 บาท)
W (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนวรับ 3.3 บาท / แนวต้าน 3.5 – 3.6 บาท (Stop loss 3.3 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลยุทธ์รายสัปดาห์ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มในสัปดาห์นี้ ความไม่แน่นอนของแนวโน้มนโยบายของ Fed และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่รุนแรงมากขึ้น คาดว่าดัชนี SET จะพักฐาน แต่ downside น่าจะจำกัด เพราะการออกเกณฑ์คุมเข้มรอบล่าสุดยังไม่ถือเป็นการ lockdown เต็มรูปแบบ ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 30 เม.ย. ถึง 15 พ.ค. ที่ทาง ศบค. ใช้มาตรการคล้ายกันนี้ SET index ปรับลงเพียง 2% เท่านั้น

สำหรับในระยะสั้น ประเมินหุ้นส่งออก อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA*, KCE*) กลุ่มยานยนต์ (SAT) และส่งออกอาหาร (TU*) และหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากสถานการณ์ COVID-19 อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล (BCH*, CHG*) และ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP, EPG*) มีโอกาส Outperform ตลาดฯ

Strategic SET daily
Market strategy Thailand

จิตวิทยาตลาดวันนี้: — นัยต้าน 1586 จุด

วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1586 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1586-1605 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1586 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1586-1571 จุด

แนวรับวันนี้: 1581/1573 แนวต้านวันนี้: 1586/1602

- Advertisement -