รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“Export Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1602/1606 จุด รับ 1579/1572 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวดี ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศ หนุนตลาดเอเชียเช้านี้ฟื้นตัวตาม

แต่อย่างก็ดี ผลของการแพร่ระบาดของสายพันธ์เดลตาในหลายประเทศ ทำให้มีการใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดขึ้น และระงับแผนเปิดประเทศ ทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีแนวโน้มจะชะลอการฟื้นตัวออกไป ผสาน Fund Flows ในเอเชียและไทยยังผันผวน ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อภายในที่ทรงตัวสูงที่ 4 พันรายต่อวัน ยังกดดันตลาดหุ้นไทย ส่วนวันนี้ติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ คาดลดลงจากเดือนก่อน วันนี้แนะ “Export Play” : KCE, SAT, PM

Nomura : Key Factors
(+) US : ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เกิด First Wave ผสานดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.6% สูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
(*) OIL: วานนี้ WTI +0.07$(+0.10%) สู่ 72.98/bbl, BRT +0.08$(+0.11%) สู่74.76/bbl
(-) TH: ต่างชาติขายสุทธิในไทย 10 ใน 12 วันทำการ รวม -431 ล้านเหรียญ
(*) TH: รัฐเสนอโครงการกระตุ้นท่องเที่ยว “วัคซีนยกก๊วน เที่ยวไทยคึกคัก” ช่วงส.ค. สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แต่มองยังเป็นไปได้ยากที่จะกลับมาเที่ยวได้เดือนส.ค.
(*) US: วันนี้ติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ
(*) Fund Flows: หุ้น -429 ลบ, สัญญา Future -164 สัญญา, Bond +8,057 ลบ

Nomura Daily Top Picks : KCE, SAT, PM

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1602/1606 จุด รับ 1579/1572 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตดี นำโดย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 127.3 ในเดือนมิ.ย. สูงสุดนับตั้งแต่เกิด Covid-19 First Wave ผสานดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.6% ในเดือนเม.ย. สูงสุดในรอบกว่า 30 ปี บ่ชี้ถึงการฟื้นตัวที่แข็งแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ฟื้นตัวตามไปด้วย

แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นการแพร่ระบาดของสายพันธ์เดลต้าในหลายประเทศ อาจกดดันเศรษฐกิจโลกโดยรวม เนื่องจากมีการกลับมาใช้มาตรการเข้มงวด ล่าสุด ออสเตรเลียประกาศเฝ้าระวังขั้นสูง ฟิลิปปินส์ขยายมาตรการเข้มงวดถึงกลางก.ค. อินโดนีเซียชะลอแผนเปิดรับต่างชาติในเกาะบาหลี

ขณะที่ Fund Flows ในเอเชียวานนี้ พลิกกลับมาเป็นขายสุทธิที่ -519 ล้านเหรียญ โดยเป็นแรงขายในไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และไทย โดยขายไทยที่ -13 ล้านเหรียญ ซึ่งภาพรวม ต่างชาติขายสุทธิในไทย 10 ใน 12 วันทำการ รวม -431 ล้านเหรียญ ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงขาดแรงขับเคลื่อนจาก Fund Flows

ทั้งนี้ ภายในมีความคืบหน้าของมาตรการภาครัฐฯ โดยล่าสุดมีการเสนอออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ภายใต้โครงการ “วัคซีนยกก๊วน เที่ยวไทยคึกคัก” ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.

โดยกลุ่มเป้าหมายคือประชาชนในประเทศที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม คาดจะสามารถสร้างเงินหมุนเวียนจากทั้งในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย และวัคซีนยกก๊วนฯ ในระบบจำนวน 1.83 หมื่นลบ. แต่โอกาสที่จะกลับมาเที่ยวได้ในเดือนส.ค.ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่มีท่าทีที่จะควบคุมได้

โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันนี้พุ่งแรงถึง 4,786 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 4,659 ราย เรือนจำ 127 ราย เสียชีวิตสูงถึง 53 ราย บ่งชี้ถือความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่จำกัด ขณะที่การฉีดวัคซีนวันที่ 28 มิ.ย. ฉีดไป 269,459 โดส ซึ่งแม้จะเร่งตัวขึ้น แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายการเปิดประเทศ ทำให้กลุ่มท่องเที่ยวยังมีความไม่แน่นอนสูง

ซึ่งเรายังแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน ส่วนปัจจัยอื่นๆวันนี้ ติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ Consensus คาดที่ 600,000 ตำแหน่ง ลดลงจากเดือนก่อนที่ 978,000 ตำแหน่ง

Daily Strategy : Upside ตลาดค่อนข้างจำกัด ขณะที่ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Third Wave กดดันตลาด กลยุทธ์แนะนำ Selective รายกลุ่ม เน้น Earnings กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า-ต้นทุนลดจากราคาโภคภัณฑ์ที่จีนควบคุม กลุ่ม SET50-100 กลุ่มประกัน และกลุ่มเครื่องดื่ม ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

Research Highlight :
BCH (BUY, TP33) : คาดผลการดำเนินงาน 2Q21F มีกำไรสุทธิ 590 ลบ. (+112%y-y +82%q-q) เติบโตเด่น y-y และ q-q เนื่องจาก
1) คาดว่ารายได้ (+96%y-y +76%q-q) เติบโตสูงจากมีรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID รวม 2,400 ลบ. (สัดส่วนราว 59% ของรายได้ 2Q21F) ประกอบกับ
2) คาด Gross margin ที่ 32.7 % ลดลงเล็กน้อย y-y แต่ดีขึ้น q-q การให้บริการการให้บริการตรวจคัดกรอง COVID (%margin ดีกว่าการรักษา) มีสัดส่วนรายได้สูงขึ้น
และ 3) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้มีสัดส่วน 11.7% ลดลง y-y และ q-q

ทั้งนี้แนวโน้ม 2Q21F ที่ดีกว่าคาดเดิมมาก จากการเร่งตัวขึ้นของรายได้ยอดตรวจคัดกรอง และรายได้รักษาผู้ป่วย COVID ประกอบกับเรายังไม่รวมรายได้ฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์น่า ทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 21F และ 22F ขึ้น +28%/+13% ตามลำดับ รวมทั้งราคาเป้าหมาย (TP22F) ใหม่ 33 บาท (เดิม 19.30 บาท)

Commodities :
1)ราคาถั่วเหลือง +0.18% สู่ 1362.25 เซนต์/บุชเชล บวกต่อ TVO
2)ราคาน้ำตาล +0.29% สู่ 17.28 เซนต์ต่อปอนด์ บวกต่อ KSL
3)ราคาถ่านหิน +0.93% สู่ 125.25 เหรียญ/ตัน บวกต่อ BANPU
4) BDI +2.83% สู่ 3418 จุด บวกต่อ PSL, TTA

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

(+) Cost Reduction: คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงจีนจะยังคงทำการระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติต่อไป ส่งผล ทองแดง อะลูมิเนียม ลดลง บวกต่อหุ้นชิ้นส่วน(KCE,HANA) เครื่องดื่ม(CBG,OSP,ICHI,SAPPE) จากแนวโน้มต้นทุนลด
SET50/100 Rebalance ตลาดประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่แล้ว พบว่า

หุ้นที่เข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ STGT, IRPC, STA, KCE(Surprise ตลาด)
หุ้นที่หลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ AWC(พลิกหลุด), BAM(พลิกหลุดแทน HMPRO), TOA, VGI
หุ้นที่เข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ STGT, NRF(พลิกเข้าแทน RCL), PSL, PTL, SYNEX, SINGER, ICHI, TKN, AAV (3ตัวหลัง surprise ตลาด)
หุ้นที่หลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AWC, EPG, BPP, GFPT, MBK, TOA, TPIPP, TTW, WHAUP
สำหรับหุ้น SET50 หุ้นที่เข้าใหม่ STGT, IRPC, STA, KCE คาดจะมีเม็ดเงินราว 506, 333, 267, 365 ลบ.ตามลำดับ ขณะที่หุ้นที่ถูดถอดออก AWC, BAM, TOA, VGI คาดเม็ดเงินกระทบที่ -579, -249, -271, -216 ลบ.

กลยุทธ์เราเน้นหุ้นที่พื้นฐานเด่นและ Surprise ตลาด แนะนำ SET50 เด่นสุด คือ IRPC, KCE และ SET100 เน้น ICHI, AAV
June Top Picks : CRC, IRPC, BEC, TVO, ICHI, SAPPE
2Q21 Strategy : Cyclical, Hedging Inflation, Value, and Laggard Plays : BBL, BDMS, BJC, CPALL, CPF, TOP, TVO, HANA, SCC, SCGP, SPALI / Mid-Small cap picks : SPA, ICHI, SAPPE, BEC

2Q21F Strategy : What do rising US yields mean for Asian equities?
Theme: 2Q21 Cyclical, Hedging Inflation, Value, and Laggard Plays : BBL, BDMS, BJC, CPALL, CPF, TOP, TVO, HANA, SCC, SCGP, SPALI
Mid-Small cap picks : SPA, ICHI, SAPPE, BEC

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
KCE (Trading): S 73.0/72.0 R 75.0/76.5 (Stop Loss: 70.0)
Theme: Export play
Earning Outlook: ภาพธุรกิจยังดีมาก คำสั่งซื้อปัจจุบันเพียงพอถึง พ.ย. แล้วตามกลุ่มลูกค้ารถยุโรป ที่มีความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ และเพื่อปิดความเสี่ยงในภาวะเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ขณะที่ บริษัทเตรียมเริ่มปรับราคากว่า 5% ตั้งแต่ 2Q21F เพื่อชดเชยผลกระทบจากทองแดงสูงขึ้น โดยรวมมองกำไร 2Q21F ราว 559 ลบ. เพิ่มทั้ง y-y, q-q และมองกำไรทั้งปี 2.2 พันลบ. +103% y-y จากยอดขายปี 21F โตกว่า +28% และอัตรากำไรที่สูงขึ้น
Valuation: Trading รับภาพ bullish ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี PER21F ที่ 38 เท่า
Catalyst: เงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ล่าสุด 32.05 บาท/ดอลล่าร์ + 2 ปัจจัยบวก 1) ถูกนำเข้า SET50 มีผลวันนี้ 2) จีนมีมาตรการชะลอความร้อนแรงของโภคภัณฑ์ (รวมทองแดง) โดยการลดการถือครองในแหล่งสำรอง เป็นสัญญาณบวกต่อต้นทุนทองแดงของ KCE ช่วงถัดไป ในภาวะที่ปรับราคาขายขึ้นมาได้แล้ว

SAT (TP21F 25*): S 21.5/21.0 R 22.8/23.5 (Stop Loss: 20.8)
Theme: Export play
Earnings Outlook: ภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ยังเป็นการฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาการส่งออก ซึ่งล่าสุดมีการปรับผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 1.6-1.7 ล้านคัน มองกำไรทั้งปี เติบโตทั้งรายได้และอัตรากำไร จาก Product Mixed / Utilization Rate และ Cost Reduction Program คาดกำไร 21F 860 ลบ. +132% y-y และระยะสั้น มองกำไร 2Q21F เพิ่มขึ้น y-y แต่ลด q-q
Valuation: ซื้อขายบน PER21 ที่ 10.9 เท่า และมี dividend yield สูง 6% ต่อปี
Catalyst: เป็นอีกหุ้นที่รายได้ส่งออกสูง และน่าสนใจ โดยเงินบาทมีสัญญาณอ่อนค่า ล่าสุดปิด 32.05 บาท/เหรียญ + คาดกำไรฟื้นตัวสูง +132% ในปี 2021F และต่อเนื่องปีละ +11% ในปี 2022-23F

PM (Trading) S 12.0/11.8 R 13.0/13.5 (Stop Loss: 11.4)
Theme: Earnings Play
Earning outlook: เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนโครงสร้างและกระจายธุรกิจสู่ PET Food ได้สำเร็จ และมี Margin สูงกว่าธุรกิจเดิม 3 เท่า จากธุรกิจหลักปัจจุบันคือผลิต+จำหน่าย “ทาโร่” และ Trading Consumer products อื่น มองกำไรปี 2021 มีโอกาสทำ New high ราว 500 ลบ. (+24% y-y) จากธุรกิจ Pet food เพิ่ม Capacity 30% และมีออเดอร์รองรับแล้ว และมองกำไรรายไตรมาสเติบโต y-y ทุกไตรมาสที่เหลือ
Valuation: เป็นหุ้น Under-owned ซื้อขาย PER 21F 14 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอิงบริโภคซึ่งสูง 25-30 เท่า และมี ROE 28%, Div yield 5.3% โดยกรอบ TP เบื้องต้น 16-17 บาท อิง PER 19-20 เท่า
Catalyst: เป็นอีกหุ้นที่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ สร้าง New s curve จากธุรกิจ PET Food ที่เป็นอุตสาหกรรมเติบโตดี + ระยะสั้น มีปัจจัยบวกจากกำไรกว่า 50% มาจากธุรกิจส่งออก (PET Food) และ Valuation rerate จาก IPO SNNP ซึ่ง PER สูง 28-30 เท่า
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)

- Advertisement -