บล.เคจีไอ :

ประมาณการ 2Q64F: กำไรจะโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม

Event
  ประมาณการ 2Q64

คาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q64F จะลดลง 16% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 42% YoY
หากไม่รวม BAY เราคาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารส่วนใหญ่จะลดลงประมาณ 16% QoQ เนื่องจากฐานที่สูงของกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ และ FVTPL ที่บันทึกใน 1Q64 และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นใน 2Q64F ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นถึง 42% YoY เนื่องจากฐานการตั้งสำรองสูงมากช่วงการระบาดครั้งแรก และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงอย่างมากใน 2Q63

ทั้งนี้เราคาดว่าผลประกอบการใน 2Q64 จะถูกกดดันจากมาร์จิ้นลด โดยธนาคารใหญ่อย่าง KTB, BBL, KBANK ขยายสินเชื่อยีลด์ต่ำในตลาดเงินเพิ่มขึ้น และรับรู้ดอกเบี้ย (EIR) ลดลงจากลูกหนี้ที่ประสบปัญหา ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนเป็นส่วนที่เติบโตและจะช่วยชดเชยรานได้ดอกเบี้ย ( NII) ที่ลดลงไปได้บางส่วน

มาร์จิ้น (NIM) กดดัน BBL และ KTB มากที่สุด
NIM ของ SCB และ TTB ลดลงใน 1Q64 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายจริง (effective loan rate หรือ EIR) ของลูกหนี้ที่ประสบปัญหาลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อ H/P, จดจำนอง และ SME ทั้งนี้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลงใน 2Q64 การขยายสินเชื่อในยีลด์ต่ำ 2Q64F จะกดดัน KTB และ BBL เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อตลาดเงินเพิ่มขึ้น +13%/21% QTD ในเดือนพฤษภาคม 2564

รายได้ค่าธรรมเนียมยังแข็งแกร่ง
เราคาดว่าค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อ และธุรกรรมของทุกธนาคารจะอ่อนใน 2Q64 แต่จะถูกชดเชยโดยค่าธรรมเนียมจากตลาดทุน ซึ่งได้แก่ ค่าธรรมเนียม AM, ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียม IB, bancassurance โดยธนาคารที่รายได้ค่าธรรมเนียมประเภทนี้มีสัดส่วนสูง >40% (SCB, TTB, BBL และ KBANK) คาดว่าจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมส่วนนี้เพิ่มขึ้น และทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมรวมเพิ่มขึ้นประมาณ >10% YoY ใน 2Q64

คุณภาพสินทรัพย์ได้แรงหนุนจากเกณฑ์ของทางการ
เนื่องจาก ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ เพื่อให้ธนาคารต่าง ๆ ยังคงดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จากการที่ COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสามต่อไปได้ ดังนั้น ธนาคารต่าง ๆ จึงน่าจะสามารถบริหารจัดการ credit cost ให้อยู่ในระดับพอดี ๆ ได้ โดย credit cost ของ KBANK +40bps QoQ, ของ KKP +20bps, ของ TTB & KTB +10bps ส่วนของ SCB และ BBL ทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องกันมาสามไตรมาสแล้ว

เราชอบ KBANK มากที่สุดในกลุ่ม
ในสภาวะที่ธนาคารถูกกดันจาก NIM ที่อ่อนแอ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ในขณะที่ธนาคารพยายามบีบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง ซึ่งจะถ่วงศักยภาพในการหารายได้ และยังมีความเสี่ยงที่อาจต้องกันสำรองเพิ่ม เรายังคงเลือก KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

Risks
NPL เพิ่มขึ้น และกันสำรองเพิ่มขึ้น, ค่าธรรมเนียมลดลงอย่างมาก, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเร่งตัวขึ้น.

- Advertisement -