รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Selective Play”

CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Down” 1567/1574 จุด รับ 1540/1530 จุด ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับฐานแรง จากการแพร่ระบาดของสายพันธ์เดลต้าในสหรัฐฯและหลายประเทศ ผสานกับราคาน้ำมันดิบ Brent -6.75% สู่ระดับ 68.62 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลต่อ demand โลกที่จะหดตัว ขณะที่ OPEC+ เพิ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด

ส่วนภายใน ยอดผู้ติดเชื้อยังสูงที่ 11,305 ราย เสียชีวิต 80 ราย โดยสธ.เผยไทยพบสายพันธ์เดลต้าระบาดในประเทศสูงถึง 62.6% ขณะที่การยกระดับมาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดขึ้นของศบค.จะเริ่มในวันนี้ กดดันตลาดหุ้นไทย วันนี้แนะ “Selective Play” : BANPU, TASCO, PM

Nomura : Key Factors
· (-) US: สหรัฐฯเกิด Forth Wave หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นเฉลี่ย 30,000 รายต่อวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 รายต่อวันในเดือนมิ.ย.
· (-) UK: อังกฤษผ่อนคลาย Lockdown แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งใกล้จุดสูงสุดเดิม
· (-) OIL: วานนี้ WTI -5.39$(-7.51%) สู่ 66.42/bbl, BRT-4.97$(-6.75%) สู่68.62/bbl
· (-) Asia: Fund Flows วานนี้ ที่เป็นแรงขาย -1,999 ล้านเหรียญ
· (-) TH: ไทยพบสายพันธ์เดลต้าระบาดในประเทศสูงถึง 62.6%
· (*) Fund Flows: หุ้น -1,900 ลบ, สัญญา Future -11,974 สัญญา, Bond +7,522 ลบ

Nomura Daily Top Picks: BANPU, TASCO, PM

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Down” ต้าน 1567/1574 จุด รับ 1540/1530 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานแรง โดย Dow Jones -2.9%, NASDAQ -1.06% จากความกังวลต่อการแพร่ระบาดระลอก 4 ในสหรัฐฯจากสายพันธ์เดลต้า หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นเฉลี่ย 30,000 รายต่อวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 รายต่อวันในเดือนมิ.ย. ประกอบกับอังกฤษที่ผ่อนคลาย Lockdown แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งใกล้จุดสูงสุดเดิม

ซึ่งทั้งสหรัฐฯและอังกฤษ มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงถึง 55.6% และ 68.2% ของประชากร ก่อให้เกิดความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กดดัน demand ของน้ำมันดิบ อีกทั้งทางฝั่ง supply OPEC+ เพิ่งจะปรับเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับฐานแรง -6.75% สู่ระดับ 68.62 เหรียญ/บาร์เรล กดดันกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด

นอกจากนี้ เอเชียมีแรงกดดันเพิ่มเติมจาก Fund Flows วานนี้ ที่เป็นแรงขาย -1,999 ล้านเหรียญ โดยเป็นแรงขายสุทธิในทุกประเทศ ยกเว้นอินโดนีเซีย ทำให้ 2 วันล่าสุด ต่างชาติขายสุทธิในเอเชียรวม -2,929 ล้านเหรียญ

ส่วนไทยวานนี้พลิกกลับมาเป็นขายที่ -58 ล้านเหรียญ ผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำ New high ที่ 32.85 บาท/เหรียญ จากความไม่แน่นอนภายใน โดยยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ยังสูงที่ 11,305 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 10,710 ราย เรือนจำ 595 ราย เสียชีวิต 80 ราย ซึ่งกระทรวงสาธารณะสุขเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลตาระบาดทั่วประเทศถึง 62.6% ตามด้วยสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) 34.1% และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) 3.3% ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้

ขณะที่มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดขึ้นของศบค.จะเริ่มบังคับใช้วันนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติเห็นชอบจัดซื้อ Rapid Antigen Test Kit ในวงเงิน 1,014 ล้านบาท หรือราว 8.5 ล้านชุด เตรียมแจกจ่ายให้แก่ประชาชน อาจจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีโอกาสพุ่งขึ้นต่อในช่วงถัดไปในระยะสั้น และระยะกลาง-ยาวจะช่วยเรื่องการรับมือกับการแพร่ระบาด

Daily Strategy : ตลาดได้แรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก กรอบ 1540-1510จุด เป็นกรอบตั้งรับแรก กลยุทธ์แนะ Selective เน้นกลุ่ม Earnings ดี กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า(ชิ้นส่วน-อาหาร KCE HANA TU PM ASIAN) กลุ่มสื่อสารฯ(ADVANC) กลุ่มโรงพยาบาล(BDMS, BCH, CHG, EKH) กลุ่มโรงไฟฟ้า(GPSC) และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล(TVO) ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

· Research Highlight :

PM (BUY, TP17.8) : คาดการณ์กำไร 2Q21F ที่ 124 ลบ. (+29% y-y, -5% q-q) จากยอดขายธุรกิจ Pet Food ที่โตดี และช่วยดึง Gross Margin ให้เพิ่มขึ้น y-y แต่ลด q-q จากปัจจัยเชิงฤดูกาลของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ PM จาก 1) การเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจมาเน้น Pet Food สร้าง New S-Curve 2) Pet Food เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง และไทยมีความได้เปรียบ โดยการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 สอดรับกับเทรนด์ Pet Humanization และ Aging Society 3) Pet Food Margin สูงกว่าธุรกิจเดิม 3 เท่า และสูงกว่าคู่แข่ง 1.3-1.5 เท่า

AP (BUY, TP10.5) : มุมมอง slightly positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q21F ที่ 1.05 พันลบ. (-14% y-y, -25% q-q) ถึงแม้ลด y-y, q-q จากฐานสูงมาก แต่ถ้ามองตัวเลขกำไรถือว่าสูงและมากกว่าคาดเดิม โดยกำไรที่สูงมาจาก การโอน low-rise ยังดีมากตาม presale รวมถึงคาด % GPM = 32.0% และ % NPM = 13.2% ยังดี สะท้อนว่าไม่ได้ใช้ promotion ด้านราคามากนัก ทั้งนี้จากแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q21F ที่ดีกว่าคาด และ momentum กำไรสุทธิใน 2H21F ยังดี เพราะ backlog ทั้ง low-rise และ condo โครงการใหม่รอโอนมาก, เปิดโครงการ low-rise มากซึ่งบางส่วนพร้อมโอน ทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิ 2021F เพิ่ม 13% จากเดิม มาที่ 4.35 พันลบ. (+3% y-y) และเป็น new record high ต่อเนื่อง 2 ปีติดกัน

TASCO (TRADING BUY, TP21.8) : เราคาดกำไร 2Q21F ถือว่าดีที่ 625 ลบ. แม้ -64% y-y จากงวดปีก่อนมี Stock gain (Reverse NRV Loss) 1.9 พันลบ. แต่กำไร +48% q-q บนสถานการณ์ใกล้กัน ที่การดำเนินงานหลักมีปัจจัยบวกจากราคายางมะตอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไทย ขณะที่ ต้นทุนน้ำมันยังมีใช้ช่วงต้นทุนต่ำอยู่ หนุนอัตรากำไรสูงขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นแกว่งตัวออกข้าง และมี Upside จาก TP21F ที่ 21.8 บาท อิง P/BV 2.2x สามารถซื้อเก็งกำไรได้ จากงบ 2Q21F ดี และลุ้นจิตวิทยาบวกจากราคาน้ำมันผ่านพีคและปรับฐาน จาก Supply ที่เริ่มเพิ่ม ขณะที่ ยางมะตอยยังมีราคาดี ขณะที่ ความน่าสนใจระยะกลางยาว ยังต้องติดตามการยกเลิกคว่ำบาตรเวเนซูเอลา จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย. 21F นี้

ENERGY (BULLISH) : สัปดาห์ก่อน โรงกลั่นได้ค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น 89% w-w (ฐานต่ำ) หนุน โดยค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นหลักจาก Jet และ Naphtha เพราะ demand การบินใน U.S. และ ปิโตรเคมี ฟื้นตัว ตามลำดับ มอง TOP ที่ได้ประโยชน์จาก Jet และ อะโรเมติกส์ เด่นสุด ส่วนต้นน้ำ ทรงตัวตามราคาน้ำมันดิบ ความคาดกังวลข้อสรุป supply กลุ่ม OPEC+ (ปัจจุบันมีข้อสรุปแล้ว) และตัวเลข COVID-19 กดดัน ทั้งนี้ฝั่งปิโตรเคมียังแย่สุด โดยมีเพียงสายอะโรเมติกส์ ที่ดีขึ้น จาก demand downstream ที่ดีขึ้น ส่วนสายโอเลฟินส์ลดลงเล็กน้อยจาก demand ได้รับผลกระทบ COVID-19 ส่วน PET ถูก feedstock ฉุดเป็นหลัก ทั้งนี้เรามอง IRPC เด่นสุดในภาพสัปดาห์ในส่วนของกลุ่มปิโตรเคมีจากได้ BZ/PP/PS หนุน

· (+) ราคาน้ำมันดิบพีคไปแล้วระยะสั้น โดยทุก 1 เหรียญฯที่ลดลง เป็นบวกต่อ SCC (ช่วยด้าน Demand เพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง หนุน Margin), TOA(จะบวกต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว +0.5% ต่อ 1 เหรียญฯ ที่ลง, TASCO(ช่วยให้ Margin Spread กว้างขึ้น), EPG(เมื่อเทียบกับสมมติฐานของเรา ทุก 1 เหรียญฯที่ลง จะหนุน Margin เพิ่ม +0.03% และส่งผลบวกต่อฐานกำไร +2%) แต่เป็นลบต่อ พลังงาน

· (+) Cannabis/Hemps: ทางการประกาศใบอนุญาต เพราะปลูก-สกัดน้ำมัน RBF เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มเป็นลำดับ และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้ CBD/THCเป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ทางการยังใกล้ปลดล๊อคพืชเกษตรอย่างกระท่อม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดเมื่อย และมีกำลัง คล้าย Energy Drink เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL, STPI กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

· หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

· July Top Picks: KCE, TOA, TIDLOR, TVO, SAT, ICHI, PM

  · 2H21 Stock Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR / Mid-small Cap : PM, ICHI, SAPPE

2H21 Equity Outlook : At a crossroads : Policy normalization risks

Stock Best Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR
Mid-small Cap Picks : PM, ICHI, SAPPE

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

BANPU (Trading): S 14.0/13.7 R 15.0/15.5 (Stop Loss: 13.3)

  · Theme: Commodity Play

· Earnings Outlook: ธุรกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนโครงสร้างมาเน้นกลุ่มโรงไฟฟ้า + Energy Tech ผ่านกลยุทธ์ “Greener, Smarter Growth” ซึ่งเริ่มเห็นการลงทุนที่มากขึ้น ขณะที่ ธุรกิจเดิมถ่านหินยังสร้างกระแสเงินสดในระดับสูง โดยเฉพาะภาวะปัจจุบันราคาถ่านหินสูง โดย Consensus ประเมิน ผลประกอบการปี 21F จะพลิกมากำไรราว 2-3 พันลบ. (1Q21 1.5 พันลบ.) จากขาดทุนปีก่อน ซึ่งราคาถ่านหินที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง เป็น Upside ประมาณการตลาดได้

· Valuation: มองราคาปัจจุบันยังเก็งกำไรได้

· Catalyst: ราคาถ่านหินยังปรับเพิ่มต่อเนื่องวานนี้ +1.5% ที่ US$150.83/ตัน จากทั้ง Demand ที่เพิ่มในจีน และ Supply จำกัด จากกระแสความขัดแย้ง จีน-ออสเตรเลีย + ราคาตลาดรับรู้เรื่องการเพิ่มทุน RO 4 : 1 @ 5 บาท + แจก Warrant 3 ชุด มาแล้ว มองเก็งกำไรได้ (ขึ้น XR 16 ส.ค.)

TASCO (TP21F 21.8*): S 19.1/18.8 R 19.8/20.3 (Stop Loss: 18.5)

  · Theme: Earnings play

· Earnings Outlook: คาดกำไรระยะสั้น 2Q21F ถือว่าดี ที่ 625 ลบ. (-64% y-y, +48% q-q) ลด y-y เพราะปีก่อนที่ Stock gain สูง 1.9 พันลบ. แต่เพิ่ม q-q จากราคาขายยางมะตอยปรับเพิ่มราว 6% q-q ขณะที่ ต้นทุนน้ำมันยังมีใช้ของช่วงน้ำมันราคาต่ำได้อยู่ ทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น และมองแนวโน้มกำไร 3Q21F ยังเติบโต q-q ได้ จากเงินประกันราว 250 ลบ. โดยรวมกำไรทั้งปี 21F 1.55 พันลบ. (-57% y-y) มี Upside

· Valuation: แนะนำซื้อเก็งกำไร จาก TP21F 21.8 เท่า โดยซื้อขาย P/BV 2.0x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

· Catalyst: เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” ได้ทั้งงบ 2Q21F ถือว่าดี และน้ำมันเริ่มปรับฐานผ่านช่วงพีค โดยวานนี้ปรับลงแรง 7% หลังโอเปก เตรียมทยอยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 ล้านบาร์เรลในส.ค.-ธ.คนี้

PM (TP22F 17.8*): S 14.5/14.3 R 15.1/15.5 (Stop Loss: 14)

  · Theme: Earnings Play

· Earning outlook: เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนโครงสร้างและกระจายธุรกิจสู่ PET Food ได้สำเร็จ และมี Margin สูงกว่าธุรกิจเดิม 3 เท่า จากธุรกิจหลักปัจจุบันคือผลิต+จำหน่าย “ทาโร่” และ Trading Consumer products อื่น มองกำไรปี 2021F มีโอกาสทำ New high ราว 483 ลบ. (+20% y-y) จากธุรกิจ Pet food เพิ่ม Capacity 30% และมีออเดอร์รองรับแล้ว โดยคาดกำไร 2Q21F ที่ 124 ลบ. (+29% y-y, -5% q-q) จากยอดขายธุรกิจ Pet Food ที่โตดี และช่วยดึง Gross Margin ให้เพิ่มขึ้น y-y แต่ลด q-q จากปัจจัยเชิงฤดูกาลของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และมองกำไรรายไตรมาสเติบโต y-y ทุกไตรมาสที่เหลือ

· Valuation: เป็นหุ้น Under-owned ซื้อขาย PER 21F ที่ 18 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอิงบริโภคซึ่งสูง 25-30 เท่า และมี ROE 34%, Div yield 5%

· Catalyst: เป็นอีกหุ้นที่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ สร้าง New s-curve จากธุรกิจ PET Food ที่เป็นอุตสาหกรรมเติบโตดี + ระยะสั้น มีปัจจัยบวกจากกำไรกว่า 50% มาจากธุรกิจส่งออก (PET Food) และ Valuation rerate จาก IPO SNNP วันนี้ ซึ่ง PER สูงราว 30 เท่า

- Advertisement -