SET มีโอกาสพักตัว หลังสัปดาห์นี้ปรับเพิ่มกว่า 2.2%

Investment Ideas:

  • ภาพรวมการลงทุน – เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,600 จุด เราคาดว่า SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway หลังสัปดาห์นี้ SET ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 33.8 จุด (+2.18%) ทำให้การลงทุนต้องเร่ิมระมัดระวังแรงขายทำกำไร รวมไปถึงวันน้ียังเป็นวันท่ีมีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่ม ค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า จะยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมท้ังหุ้นในกลุ่ม Utilities และบริษัทที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เราเลือก PTTEP PTT IRPC GPSC BPP GULF และ TVO ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Re-opening เราให้น้ำหนักเพียงเก็งกำไร เท่านั้น สัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตาม การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Jackson Hole Symposium) หัวข้อ Monetary Policy Framework Review วันที่ 26-28 ส.ค. และงาน Thailand Focus วันที่ 25-27 ส.ค.
  • จีนรายงานผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์หนุนความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และ Demand น้ำมัน- รายงานจากทางการจีนวานนี้ (24 ส.ค.) ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยใช้เวลาควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวภายใน 1 เดือน หลังจากก่อนหน้านี้มีการแพร่เชื้อมากถึง 50 เมือง โดยที่ผ่านมาจีนมีการยกระดับการตรวจเชิงรุก โดยรายงานระบุว่ามีการตรวจหาเชื้อประชากรหลายสิบครั้งในเมืองเดียว โดยรวมแล้วมีการตรวจหาเชื้อมากกว่า 100 ล้านครั้งในเมืองหยางโจวที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก และสั่งล็อกดาวน์พื้นที่แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียว สร้างความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันดิบ เนื่องจากจีนเป็นผู้ใช้น้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ปัจจัยบวกจาก (1) องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) รับรองวัคซีนไฟเซอร์แบบเต็มรูปแบบ และ (2) อัตราการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นของอินเดียช่วงเดือน ก.ค. ปรับเพิ่มมากสุดในรอบ 3 เดือน จากความต้องการใช้พลังงานฟื้นตัว เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม OIL Play เราเลือก PTTEP PTT IRPC TOP SPRC และ PTTGC
  • ค่าเงินบาทผันผวน ล่าสุดกลับมาแข็งค่าในรอบสัปดาห์กว่า 0.86% – ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.1 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่ากว่า 0.29 บาท (0.86%) หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่เริ่มมีสัญญาณคลี่คลาย ค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ BCP IRPC TOP PTTEP และ PTTGC รวมถึง Utilities ได้แก่ GULF GPSC BCPG BPP EGCO และ GUNKUL ที่มีการรับรู้ Unrealized FX Gain (กำไรทางบัญชี) จากการที่บริษัทในกลุ่มมีหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์จำนวนมาก รวมไปถึงบริษัทที่มีต้นทุนดำเนินงานที่ลดลงจากเงินบาทแข็งค่า ได้แก่ หุ้นในกลุ่มสายการบิน (AAV และ BA) รวมไปถึง TVO ขณะที่ประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นที่เราแนะนำไปก่อนหน้านี้ (ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า) โดยค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าทุก 1 บาทจะกระทบกำไรสุทธิกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA และ KCE) ประมาณ 5% -6% และกลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT และ ASIAN) ประมาณ 46-6% รวมไปถึงหุ้นที่เราแนะนำอย่าง SMPC และ EPG ที่กำไรสุทธิจะได้รับผลกระทบประมาณ 8% และ 4% ตามลำดับ
  • ครม. มีมติคง VAT ที่ 7% ต่อไปอีก 2 ปี เรามองเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกเพียงเล็กน้อย- ครม. มีมติต่ออายุมาตรการคงภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ที่อัตรา 7% ต่อไปอีก 2 ปี (1 ต.ค. 64 ถึง 30 ก.ย. 66) จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย. 64 เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากโควิด-19 เรามองว่าประเด็นดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมติครม. ดังกล่าวเป็นไปตามที่ Market Consensus คาดหมายอีกครั้ง ราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกก่อนหน้านี้ปรับเพิ่มขึ้นตอบรับเชิงบวกต่อความคาดหวังต่อมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่จะเกิดขึ้นในระยะใกล้ ทำให้เราคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะยังไม่มีน้ำหนักต่อการหนุนราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีก
  • มุมมองทางเทคนิค- เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,600 จุด หุ้นแนะนำปัจจัยทางเทคนิค – ICHI SFLEX และ AH
  • ติดตามรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้- รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน (Core Durable Goods Orders) เดือน ก.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 0.5% MoM) ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือน ก.ค. (คาดลดลง 0.8% MoM) และรายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ (Crude Oil Inventories)

Core Investment

  1. Laggard Play (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) เราเลือก ADVANC PLANB SPRC IRPC PTT STEC CK CRC
  2. Earning Play (คาด 3Q64 เติบโตต่อเนื่อง) (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) เราเลือก GPSC BCPG GULF BCH CHG และ NER
  3. Dividend Play (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 6 เดือน) เราเลือก KKP TCAP TASCO PSH TISCO SPCG SC WHAUP CTW ORI RATCH TVO TTW และ SPALI
  4. DCA – หุ้นสะสมระยะยาว (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 1 ปี) เราเลือก AOT BEM ADVANC WHA LH CPALL CPF BDMS HMPRO KBANK และ KKP

ตลาดต่างประเทศ (อินโฟเควสท์):

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด (+0.09%) ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด (+0.15%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มข้ึน 77.15 จุด (+0.52%) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (Full Approval) สำหรับผู้ท่ีมีอายุ 16 ปีข้ึนไป ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขคาดหวังว่า การอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยสนับสนุนโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ โดยประเด็นดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ
  • ตลาดหุ้นยุโรป : ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.79 จุด ลดลง 0.09 จุด (-0.02%) ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าลงทุน ก่อนการประชุมธนาคารกลางท่ัวโลกประจำปี ซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิ่งของสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนการของเฟดที่จะปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงไม่มาก โดยได้รับแรงหนุนจากการรายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนี ในช่วง 2Q64 ขยายตัว 1.6% ดีกว่าคาด

สินค้าโภคภัณฑ์ (อินโฟเควสท์):

  • ราคาน้ำมันดิบ : สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 67.54 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.90 เหรียญ (+2.9%) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 71.05 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.30 เหรียญ (+3.4%) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น ทำจุดสูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกัน โรคโควิด-19 ของไฟเซอร์แบบ Full Approval รวมไปถึงการตอบรับเชิงบวกต่อกรณีที่แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทพีเม็กซ์ในเม็กซิโกประสบเหตุเพลิงไหม้  ส่งผลให้กำลังผลิตน้ามันของพีเม็กซ์ลดลงราว 25%
  • ราคาทองคำ : สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดท่ี 1,808.5 เหรียญต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.2 เหรียญ (+0.12%) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุด นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตารายใหม่ 41 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงท่ีสุด ตั้งแต่ เดือนเม.ย.2563 ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯอาจปรับเพิ่มมากกว่า 1,000 รายต่อวัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในสหรัฐฯ เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว
  • ราคาถ่านหิน : ราคาถ่านหินตลาดล่วงหน้า (Newcastle) ส่งมอบเดือน ต.ค. 64 ล่าสุด ปิดที่ 159.2 เหรียญต่อตัน เพิ่มข้ึน 2.1 เหรียญ (+1.34%)
  • ค่าระวางเรือ : Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดปิดที่ 4,201 จุด เพิ่มขึ้น 54 จุด (+1.3%)

    ข่าวอื่น ๆ

• III มองโควิดซา หนุนดีมานด์ขนส่งทางอากาศมากขึ้น ค่าบริการยังอยู่ในระดับสูง พร้อมเจรจาสายการบินต่อยอดพันธมิตรเพิ่ม คาดรายได้บริการขนส่งวัคซีนเข้าปี 2565 แย้มอยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนจำหน่ายวัคซีน มั่นใจผลงานปีนี้โตกว่า 100% เผยสถาบันสนใจธุรกิจ แผนธุรกิจเติบโตชัดเจน (ทันหุ้น)

• TOA ดีลพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ หวังแตกไลน์ธุรกิจฮาร์ดแวร์ ขยายช่องทางรับทรัพย์ แถมส่งซิก Q4/2564 ผลงานฟื้นตัวจาก Q3/2564 หลังมองโควิดคลี่คลาย เตรียมงบ 200 ล้านบาท รีโนเวตโรงงาน-เครื่องจักร (ทันหุ้น)

• SIS ปักธงรายได้ปี 2564 ชน 3 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ทำได้ราว 1.52 หมื่นล้านบาท มองกลุ่ม Value Added เติบโตสูง บริการ Cyber Security พร้อมโอกาส Cloud Service มีลูกค้าเพิ่มต่อเนื่อง ส่วนสินค้าไอทีดีมานด์หนุนจาก WFH (ทันหุ้น)

- Advertisement -