KS Daily View 25..03.2022 >>> การประชุม NATO กลุ่มประเทศตะวันตกจะเพิ่มการช่วยเหลือยูเครน ทำให้สงครามอาจยืดเยื้อ, ประเด็น Fed คณะกรรมการส่วนใหญ่ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงนี้แนะนำไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน คาดโค้งสุดท้ายของเดือนหุ้นไทยในยังแกว่งตัว/ SET คาด 1680 -1690 หุ้นแนะนำ TIDLOR

ตลาดต่างประเทศ : KS ประเมินโค้งสุดท้ายของเดือน มี.ค. ทิศทางตลาดหุ้นโลกยังผันผวน ยังคงคาดไม่ใช่ขาขึ้นในระยะยาว โดยตลาดหุ้นฝั่งพัฒนาแล้ว : ฝั่งสหรัฐยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อหรือ Perform มากกว่าฝั่งยุโรป ตามที่เคยนำเสนอก่อนหน้า คือ ทิศทางดอกเบียสหรัฐที่เป็นขาขึ้น, ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานลงมามากนับตั้งแต่ต้นปี หรือ – 9%นับตั้งแต่ต้นปี และในภาวะที่ตลาดเริ่มกังวลเศรษฐกิจจะชะลอตัว(Recession)มากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามมากกว่าประเทศอื่นๆ จะทำให้ Fund Flow ไหลเข้าสกุลเงินดอลลาร์, และหุ้นกลุ่ม Tech ทั้งฝั่งสหรัฐ จะเป็นที่พักเงิน สะท้อนจากล่าสุด เมื่อคินดัชนี Nasdaq +1.93%,S&P500 +1.4% ทิศทางเป็นขาขึ้น เทียบกับตลาดหุ้นยุโรป ทิศทางแกว่งตัว Sideway ออกข้าง ส่วนฝั่งเอเซียคาดเริ่มชะลอการปรับขึ้นและแกว่งตัว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย KS คงมุมมองทิศทางจะแกว่งตัว Sideway ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. และที่สำคัญ เดือน เม.ย.65 ประเมินตลาดม๊โอกาสจะปรับลง เนื่องจาก

  1. การใช้นโยบายการเงินตึงตัวของ Fed ตลาดหุ้นจะเริ่มรับรู้และถูกแรงกดดันจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 25bps และ Fed จะเริ่มมาตรการ QT หรือ Quantitative Tightening เห็นได้จากล่าสุด ประธาน Fed ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย(Hawkish) KS ประเมินว่าในปีนี้ Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 25bps คือคาดขึ้นแรงกว่าปกติ โดยเป้นการปรับขึ้นเพื่อมีช่องว่างในการปรับลงในอนาคต เพื่อรองรับเศรษฐกิจชะลอตัวในอนาคต สอดคล้องกับมุมมองตลาด สะท้อนผ่าน EURO Dollar บ่งชี้ว่าตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะเริ่มปรับลงในช่วงกลางปี 2566
  2. สงครามรัสเซีย-ยูเครนมีโอกาสที่จะยืดเยื้อต่อเนื่องไปถึงช่วงต้น 2Q65 ล่าสุด การประชุม NATO กลุ่มประเทศตะวันตกได้ตกลงกันที่จะเพิ่มการช่วยเหลือยูเครน และขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียต่อ และสหรัฐล่าสุด ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม คือ มุ่งไปที่ ส.ส.รัสเซีย 328 คน และบริษัทด้านการป้องกันประเทศ 48 แห่ง ในระยะยาวเชื่อว่าประเทศพันธมิตรยูเครน อาทิ ยุโรป สหรัฐ จะยังคงมาตรการคว่าบาตรรัสเซียต่อ ประเมินมีโอกาสคว่าบาตรต่อ Economic Sanction มีโอกาสยืดเยื้อ คล้ายกับ Trade war สหรัฐ – จีนที่ยังมีอยู่ เป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทรงตัวระดับสูง
  3. ช่วง ต้น เม.ย.65 ตลาดหุ้นโลกจะเผชิญกับ IMF Downgrade GDP Growth KS ประเมินมีโอกาสที่โทนการปรับลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะฝั่งยุโรปมีโอกาสถูกปรับลด GDP ลงเพราะได้รับผลกระทบจากสงคราม สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ส่วนไทย ประเมินจะเห็นแรงกดดันจาการปรับลด GDP ไทยเช่นกัน ในการประชุม กนง. วันที่ 30 มี.ค. 65 ติดตาม ธปท. เตรียมหั่นประมาณการ GDP ปี 2565 ที่เดิมคาดว่าจะโต 3.4% และสำนักเศรษฐกิจอื่นๆ เหตุจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง คาดจะเห็นการทยอยการปรับลด มองการปรับลดเป้า GDP จะเป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม Domestic play ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อสังหาฯ ค้าปลีก และท่องเที่ยว

โดยรวมมุมมอง KS ประเมินโค้งสุดท้ายของเดือน มี.ค.65 KS ยังคงคำแนะนำในช่วงนี้ คือ ไม่เพิ่มน้ำหนักพอร์ตการลงทุน ประเมินหุ้นไทยทิศทางจะเป็นลักษณะแกว่งตัวผันผวน ยังแนะนำหากตลาดหุ้นขึ้นมาแนะนำให้ขายทำกำไร โดยประเมินแนวต้าน 1690 และ 1705 จุด เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นไทยจะย่อตัวในช่วง 2Q65

กลยุทธ์การลงทุน : กลุ่มที่แนะนำลงทุนในช่วงนี้ คือ กลุ่มเครื่องดื่ม (SAPPE, CBG, OSP) กลุ่มการเงิน (TIDLOR, ASK ,THANI, AEONTS, BAM) กลุ่ม Tech Consult อาทิ (BBIK, BE8) , กลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, SSP) กลุ่ม ICT (DTAC, TRUE)

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1680 -1690

หุ้นแนะนำ TIDLOR

Top pick :

TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 52.0 บาท) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มการเงิน จาก 1) มูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น 2) ความสามารถในการรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปี 2565 3) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ลดลง เราชอบกลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถเป็นหลักประกัน>สินเชื่อรถบรรทุก>บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล> AMC หุ้นเด่นของเราคือ TIDLOR โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 20-25% ในปี 2565 จากการเปิดสาขาและการออกบัตรกดเงินสดสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ มูลค่าหุ้นปัจจุบันมีราคาถูก เนื่องจากหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2565-66 ที่ 22 เท่า/17 เท่า คิดเป็น PEG ต่ำกว่า 1 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรที่คาดการณ์ไว้ที่ 25% ในปี 2565-66

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ของไทยเดือน ก.พ. ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน ก.พ. คาด +0.8% MoM และ +8% YoY , Pending Home Salesสหรัฐฯ เดือน ก.พ.คาด -3% MoM-11%YoY ถ้อยแถลง Fed Williams และ Fed Barkin
- Advertisement -