Daily Focus

Value and Domestic Play

2022SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงอยู่ในช่วงแกว่ง Sideways สร้างฐานตามคาด ปิดบวกเล็กน้อย 2.94 จุด โดยภาพรวมยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเพียง 6.6 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 2.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2.8 พันลบ. (และ Long SET50 Index Futures หนาแน่น 1.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways โดยแนวต้านหลักระยะนี้อยู่ที่ 1,685-1,690 จุด ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบพักตัวลงเล็กนอ้ย แต่ยังคงยืนเหนือ US$110 ต่อบาร์เรล ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนการผลิต การใช้จ่าย รวมถึงเงินเฟ้อ ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงยืดเยื้อ ขณะที่ NATO ระบุพร้อมตอบโต้หารัสเซียใช้ขีปนาวุธเคมีและชีวภาพ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงและ Overhang การเติบโตของเศรษฐกิจและสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงเกิดภาวะ Stagflation ขณะที่ภาพเศรษฐกิจในประเทศแม้จะถูกกระทบทางอ้อม แต่ภาพรวมยังดูทยอยฟื้นตัวได้ดีตามมาตรการของศบค.ที่ทยอยผ่อนคลาย และคาดเห็นการผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังหลายประเทศในเอเชียยกเลิกการกักตัวสําหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส ภาพรวมจึงยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่เน้นหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะ FED ที่ดึงตัวได้ดี กลุ่มที่เราชอบยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด และได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : TH

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท
  • บริษัทหันมารุกธุรกิจบริหารหนี้เสีย (AMC) ตั้งแต่ปลายปี 2021 ชดเชยธุรกิจหนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่ถูก Disrupt ปี 2021 ประมูลหนี้ไม่มีหลักประกันกว่า 3 พันลบ. และเริ่มรับรู้รายได้ใน 4Q21 เป็นไตรมาสแรกหนุนกำไรเริ่มโตแรง
  • บริษัทตั้งเป้าประมูลหนี้ปีละ 6 พันลบ.ใน 3 ปีข้างหน้า เราคาดกำไรของ TH จะเติบโตอย่างร้อนแรง +250% Y-Y และ +69% Y-Y ในปี 2022-2023 หรือโตเฉลี่ย +44% CAGR
  • แนวรับ 3.80 บาท แนวต้าน 4.30-4.40 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีก US$902 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$763 ล้าน แต่พลิกไหลออกจากไต้หวันบางๆ US$54 ล้าน ส่วนอาเซียน เม็ดเงินโดยรวมยังไหลเข้าอินโดนีเซียและไทย US$129 ล้านและ US$85 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนมาในทิศทางไหลเข้า แต่ภาพรวมยังคงขาดปัจจัยใหม่หนุนที่ชัดเจน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ส่งออกไทยเดือน ก.พ. 22 อยู่ที่ US$2.35 หมื่นล้าน +16.2% Y-Y ดีกว่าที่ตลาดคาด รวม 2M22 อยู่ที่ US$4.47 หมื่นล้าน +12.2% Y-Y ยังเติบโตแข็งแรงจากฐานปีก่อนที่ยังไม่สูงนัก ขณะที่การนำเข้าเร่งตัวขึ้นเช่นกัน  2M22 อยู่ที่ US$4.41 หมื่นล้าน +18.7% Y-Y ทำให้ 2 เดือนแรกของปีขาดดุลการค้า US$2.4 พันล้าน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ได้สะท้อนในตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากเปิดฉากโจมตีวันที่ 24 ก.พ. เราคาดว่าจะเริ่มส่งผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกไทยในเดือน มี.ค. เป็นต้นไป ชัดเจนขึ้น

(-) กลุ่มรับเหมาฯ รมว.แรงงานเผยอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในเดือน ส.ค.-ก.ย 22 กระทรวงฯจะลงนามเสนอครม.พิจารณาประกาศลงในราชกิจจาฯ ประเด็นดังกล่าวเป็นลบต่อกลุ่มรับเหมาฯ จากต้นทุนแรงงานที่คิดเป็น 20% ของต้นทุนรวม หากอ้างอิงสมมติฐานปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 5% เราประเมินผลกระทบมีไม่มาก กระทบต้นทุนก่อสร้างรวมราว 0.5-1% อย่างไรก็ตาม ต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติม เรายังชอบ CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) มากที่สุดในกลุ่ม และคาดผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่งจากสัดส่วนต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่า

(+) กลุ่มโรงกลั่น สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานของชาติตะวันตก หนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นและยืนสูงยาวนานกว่าคาด และมีแนวโน้มเห็นราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ที่ US$100 ต่อบาร์เรล ทำให้กลุ่มมีการบันทึก Stock Gain หนุน ขณะที่ความต้องการน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแรงกว่า Supply และค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นแรงเทียบกับปลายปีก่อน ทำให้เราชื่นชอบกลุ่มโรงกลั่น Downstream มากกว่า Upstream เราเลือก BCP (ราคาเป้าหมาย 38 บาท) และ ESSO (ราคาเป้าหมาย 12.90 บาท) เป็น Top Pick และมี Upside ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ส่วนต้นน้ำยังคงชอบ PTTEP (ราคาเป้าหมาย 176 บาท) (Source: FSSIA)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 349.44 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 34,707.94 จุด เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังจากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง นอกจากนี้ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 28,000 ราย เป็น 187,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 212,000 ราย รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.ที่ 58.5 จาก 57.3 ในเดือนก.พ. และภาคบริการเบื้องต้นที่ 58.9 จาก 56.5 ในเดือนก.พ.

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 112.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย รวมถึงรายงานการส่งออก น้ำมันจาก CPC ในคาซัคสถานอาจเริ่มกลับมาดำเนินการได้บางส่วนในไม่ช้านี้

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 24.9 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,962.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,087.66 / +-

- Advertisement -