ผันผวนจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอเป็นลบระยะสั้น แต่เป็นบวกระยะกลาง สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจด้านการบริโภคเดือน พ.ค. มีสัญญาณชะลอตัวลง ทั้ง Personal spending 0.2% (ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 0.90%) และ PCE Core Deflator 4.78% YoY (ต่ำกว่าคาดการณ์ ที่ 4.8% และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 4.90%) แม้จะเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อ แต่ก็แสดงถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวเริ่มกระทบต่อการใช้จ่ายของครัวเรือน ซึ่งเราประเมินตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัว รวมถึงแนวโน้มการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่น่าจะอ่อนแอลง จะเป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อภาพรวมการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในระยะกลาง สัญญาณดังกล่าวมีแนวโน้มที่นักลงทุนจะตีความว่าจะเป็นปัจจัยบวกให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดมุมมอง การดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวลง // ดังนั้นแม้ภาพรวมการลงทุนระยะสั้นมีโอกาสเป็นลบจากการเกิด technical recession ในช่วงไตรมาส 2/65 แต่ก็เพิ่มโอกาสที่มุมมองการลงทุนหลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/65 จะปรับดีขึ้นเช่นกัน

การแถลงของธปท.ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับเรื่องเร่งขึ้นดอกเบี้ยก่อนการประชุมกนง. 10 ส.ค. อย่างที่นักลงทุนกังวล โดยเป็นการแถลงของฝ่ายเสถียรภาพสถาบันการเงินเป็นหลัก โดยมีเรื่องสำคัญ ได้แก่ 1) ยกเลิกเพดานจำกัดการจ่ายปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ 2) ปรับเพิ่มอัตราการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (RDF) กลับมาที่ 0.46% (จาก 0.23%) เริ่มตั้งแต่ปี 2566 3) ปรับปรุงเกณฑ์ในการช่วยเหลือดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง // ทั้งนี้ ภาพรวมการแถลงคือการยืนยันถึงความเข้มแข็งของสถาบันการเงินที่ดีขึ้นมาจากช่วงวิกฤติโควิด เรามองบวกกับกลุ่มสถาบันการเงิน และประเมินก่อนอ่อนตัว เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล จะเป็นโอกาสทยอยลงทุนที่ดี

ยังเน้นเลือกหุ้นรายตัวในกลุ่มที่แนวโน้มกำไรเป็นบวก โดยเน้นที่

1) กลุ่มที่โมเมนตัมกำไรเป็นขาขึ้น อาทิ ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า อาหาร

และ 2) กลุ่มที่เป็นเป้าหมาย Window dressing ได้แก่ การเงิน โรงไฟฟ้า ค้าปลีก สื่อสาร ซึ่งหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ SPA, VRANDA, MBK, CPN, CRC, CPF, TU, KSL, MTC, TIDLOR, SAWAD, BAM, SCGP, BGRIM, GPSC, MAKRO, CPALL, ADVANC เป็นต้น

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE

2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA

3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR

4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN

5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO)

6) หุ้นพลังงาน-ปิโตรที่ไม่กระทบจากการขอความ ร่วมมือ IVL, OR

7) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA

ภาพรวมกลยุทธ์: แรงทำกำไรระยะสั้นอาจกด SET ลงทดสอบ 1,545-1,557 จุด เน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก (ท่องเที่ยว อาหาร) ทยอยสะสมเมื่อ่อนตัวในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นในช่วงครึ่งหลัง (กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก การเงิน) และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน)

หุ้นแนะนำ MAJOR*, PR9*, TOA*, MAKRO*

แนวรับ: 1,557-1,565 / แนวต้าน : 1,590 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด – ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 231,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว  แต่สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย
  • บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงต่ำกว่า 3% หลังดัชนี PCE ต่ำกว่าคาด – ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.8% และชะลอตัวจากระดับ 4.9% ในเดือนเม.ย.
  • โอเปกพลัสเพิ่มการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในส.ค. – สอดคล้องกับมติเดิมในการประชุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมในวันดังกล่าวตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันทั้งในเดือนก.ค.และส.ค. หลังจากที่เพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.
  • ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q2/65 เริ่มฟื้น – สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ระดับ 53 สะท้อนการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
  • ธปท.เผยเศรษฐกิจ พ.ค.โตขึ้นต่อเนื่อง – เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวด ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการผ่อนคลายมาตรการเดินทาง

ประเด็นติดตาม:

    • 1 ก.ค. – EU CPI, EU Manufacturing PMI, US ISM Manufacturing PMI
    • 6 ก.ค. – อาจเห็นการยกเลิกคำสั่งปธน.เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
    • 8 ก.ค. – US Nonfam Payrolls, US Participation Rate, US Unemployment Rate
    • 13 ก.ค. US CPI
    • 13-20 ก.ค. รายงานงบกลุ่มแบงก์

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร MAJOR* (25) : Laggard play ในกลุ่มเปิดเมือง ขณะที่หน้าภาพยนตร์ที่ดีหนุนผลการดำเนินงานทั้งปี ตัดขาดทุน 21 บาท
  • เก็งกำไร PR9* (16.40) : กลุ่มการแพทย์มักเคลื่อนไหวได้ดีในช่วงตลาดกังวลเศรษฐกิจ อีกทั้งเริ่มกลับมากังวลโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ตัดขาดทุน 14.70 บาท
  • เก็งกำไร TOA* (32): เก็งกำไร Laggard play ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ตัดขาดทุน 27.50 บาท
  • เก็งกำไร MAKRO* (38) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการเปิดเมืองและเปิดประเทศ ตัดขาดทุน 33.50 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

ตลาดหุ้นสหรัฐ – ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) และปิดตลาดไตรมาส 2 ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2563 เนื่องจากนักลงทุนวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากธนาคารกลางต่างๆ เร่งปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลง โดยนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)

ตลาดน้ำมัน – สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และการชะลอตัวของดีมานด์พลังงาน ส่วนผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 4.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 105.76 ดอลลาร์/บาร์เรล (อินโฟเควสท์)

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด – ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย (อินโฟเควสท์)

บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงต่ำกว่า 3% หลังดัชนี PCE ต่ำกว่าคาด – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 3% หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟตให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.8% และชะลอตัวจากระดับ 4.9% ในเดือนเม.ย. (อินโฟเควสท์)

โอเปกพลัสเพิ่มการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ในส.ค. – สอดคล้องกับมติเดิมในการประชุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมในวันดังกล่าวตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ทั้งในเดือนก.ค.และส.ค. หลังจากที่เพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนมิ.ย. (อินโฟเควสท์)

ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q2/65 เริ่มฟื้น – สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ระดับ 53 สะท้อนการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา (อินโฟเควสท์)

ธปท.เผยเศรษฐกิจ พ.ค. โตขึ้นต่อเนื่อง – เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวด ส่วนจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการผ่อนคลายมาตรการเดินทาง (อินโฟเควสท์)

ธปท.เลิกเพดานจ่ายปันผล แบงก์-ปรับเงินนำส่ง FIDF กลับปกติ – ระบบ สง. มีความมั่นคงสะท้อนจากเงินกองทุนเงินสำรอง และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง และสามารถทยอยปรับ เข้าสู่ระดับปกติได้ (policy normalization) โดยยังเน้นมาตรการเฉพาะจุด (targeted) เพื่อดูแลลูกหนี้รายย่อยกลุ่มเปราะบาง (อินโฟเควสท์)

Report & Corporate News

BH Maintained BUY TP: 205.00 บาท – ภาพรวมของ BH ยังคงสดใสจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้ป่วยต่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุน จากราคาน้ำมันที่สูงซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้ป่วยในตะวันออกกลาง มีโอกาสเติบโตจากตลาดใหม่ที่โดดเด่น และการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ BH สูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ในปี 2023 คงคำแนะนํา ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 205.00 บาท

BDMS, SVH – บมจ.สมิติเวช (SVH) เปิดเผยว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ SVH ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอจาก บูมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น SVH ในสัดส่วน 95.76% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ทั้งหมดของบริษัทฯ โดย BDMS มีความประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหา และลดภาระที่จะเกิดขึ้นจากการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงสถานะของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทฯ (อินโฟเควสท์)

EKH, RAM – ผู้ถือหุ้น บมจ. เอกชัยการแพทย์ (EKH) อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ไม่เกิน 40 ล้านหุ้นของทุนจดทะเบียนหลังเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 7.20 บาท ให้กับ บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง ( RAM) จำนวน 35 ล้านหุ้น และนายแพทย์รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา จำนวน 5 ล้านหุ้น เสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน และรองรับแผนรุกขยายธุรกิจโรงพยาบาลในอนาคต ขณะที่นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร ระบุการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ทำให้ฐานทุนแข็งแกร่ง เพิ่มศักยภาพด้านบริการมากยิ่งขึ้นในระยะยาว สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง (อินโฟเควสท์)

VRANDA – บูมจ.วีรันดา รีสอร์ท (VRANDA) ระบุภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของบริษัทเองก็เริ่มฟื้นตัวเร็วขึ้น ตั้งแต่เดือน เม.ย.65 จากนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ยอดจองห้องพักดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ในเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบ ทั้งวีรันดา คอลเล็กชัน สมุย และ โซ แบงคอก ล้วนเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รอคอยการกลับมาเยือน โดยส่งผลให้อัตราเข้าพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในรีสอร์ท วีรันดา คอลเล็กชัน สมุย-ร็อคกี้ รีสอร์ท (Veranda Collection Samui – Rocky’s Resort) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 80 % ในเดือนก.ค. 6 5 เป็นต้นไป ส่วนที่ โซ แบงคอก (SO/Bangkok) คาดว่าจะปรับสูงขึ้นกว่า 70% ตั้งแต่ก.ค. 65 เช่นกัน (อินโฟเควสท์)

- Advertisement -