กังวลจีน lockdown และราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวอิงทางลง

  • ตลาดหุ้น วานนี้… SET Index ปิดที่ 1,618.86 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 52,580.38 ล้านบาท ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นมาตอบรับความกังวลเงินเฟ้อคลี่คลายลง
  • แนวโน้มตลาด วันนี้… ประเมิน SET ปรับตัวลงตามภูมิภาค แนะนำ Trading ในกรอบ 1610-1640 หลังทางการจีนประกาศล็อกดาวน์เขตต่างๆ ในกรุงปักกิ่งและอีกหลายเมือง เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และขัดขวางความพยายามในการเปิดประเทศของจีน รวมถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างเจ้าหน้าที่เฟด หลังล่าสุด ปธ.เฟด สาขาซานฟรานซิสโกและสาขาคลีฟแลนด์ ให้ความเห็นว่าควรจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในการประชุมเดือนธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และคาดการณ์แนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 4.75% – 5.25% แต่ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศยังแข็งแกร่งหลังวานนี้ สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP3Q65 ของไทยขยายตัวตามคาดที่ 4.5% โดยมีตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสม 9M เกินเป้าทั้งปีที่ 10 ล้านคน แล้ว และยังได้แรงหนุนจากการบริโภคในประเทศเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Consumption
  • กลยุทธ์การลงทุน… ถือครองเงินสดมากขึ้น//Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นหุ้นที่อิงกำลังซื้อในประเทศแข็งแกร่ง&Anti- Commodities
  • Investment themes… Domestic Consumption+ได้อานิสงส์ จากบอลโลก+ช้อปดีมีคืน+งบ 4Q เด่น 1. ค้าปลีก CPALL CRC HMPRO 2. กลุ่มอาหาร MINT ICHI OSP TACC SNNP 3. กลุ่มสื่อ ONEE RS BEC TRUE 4.Anti Commodity SCGP BGRIM GPSC

เคาะไป คุยไป … EA

  • EA เปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ เป็นรถกระบะ EV ในช่วง ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมองว่าเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีการแข่งขันที่สูงมากนัก โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทในเรื่องของการชาร์จเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เห็น Value ของแพลตฟอร์มนี้ หนุนการสร้าง New S-Curve ของธุรกิจ
  • ตั้งเป้ารายได้โต 20% สู่ระดับ 2.47 หมื่นล้านบาท โดยในงวด 2H จะดีกว่า 1H อย่างมากจากการส่งมอบรถ EV Bus 1,000-1,500 คัน ให้แก่ ไทย สมายล์ บัส ตั้งเป้ารายได้โต 20% สู่ระดับ 2.47 หมื่นล้านบาท โดยในงวด 2H จะดีกว่า 1H อย่างมากจากการส่งมอบรถ EV Bus 1,000-1,500 คัน ให้แก่ ไทย สมายล์ บัส
  • แนวโน้มมีโอกาสเกิด Key Reversal แนวต้านระหว่างวัน SMA5 วัน 96.00 แนะนำ ซื้อระยะสั้น กรอบแนวรับสำคัญ 93.50-93

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นนิวยอร์กและยุโรปปิดลบ วิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากจีนประกาศล็อกดาวน์การระบาดของโรคโตวิต-19 เขตต่างๆ ในกรุงปักกิ่งและอีกหลายเมืองเพื่อควบคุม

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงจากมีรายงานว่ากลุ่ม OPEC กำลังหารือดกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต

(-) สัญญาทองคำ ตลาด COMEX ปิดลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์

ประเด็นเด่นวันนี้

  • 22 พ.ย. ประมาณการเศรษฐกิจโลก OECD
  • 23 พ.ย. รายงานการประชุม FOMC
  • ปัจจัยภายในยังไปต่อ วานนี้สภาพัฒน์เผยติวเลข GDP ไทยโตที่ 4.5% โดยใต้แรงหนุนหลักจากการท่องเที่ยว ที่ทำเป้านักท่องเที่ยวได้เกินเป้าเดิมที่ 10 ล้านคน โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวเข้าไทยรวมกว่า 11.2 ล้านคน นอกจากนี้ แรงซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ของภาคเอกชน ยังเดินหน้าขยายตัวได้ดี ระยะถัดไปการท่องเที่ยวในช่วงสิ้นปี เทศกาลฟุตบอลโลก และโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่จ่อชงเข้าพิจารณาใน 29 พ.ย. นี้ ทำให้ทางฝ่ายยังมองปัจจัยภายในของไทยค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับ – Advance Market ที่เห็นสัญญาณฟื้นตัวไม่ชัดนัก
  • ผลประกอบการกลุ่มธนาคารดี มีลุ้นโตตามเศรษฐกิจธปท.เผยรายงานการดำเนินงานของธนาคารใน 3Q65 เผยสินเชื่อขยายตัว 5.3% YoY ชะลอลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการชำระคืนสินเชื่อบางส่วนที่ให้แก่รัฐ แต่ภาพรวมยังขยายตัวใต้ดิ สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่กําไรสุทธิเติบโต 56.8% YoY จากรายได้ ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองลดลง มองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเป็นหนึ่งใน Cyclical sector ฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจ โดยแนะนำอาจเข้าสะสมหุ้น KBANK (TP: 188.75 Baht) BBL TP: 174.00 Baht) เนื่องจากมี Upside สูง น่าสนใจ และ KKP มีปันผลโดดเด่น (TP: 87.50 Baht, Dividend Yield : 5-6%)
- Advertisement -