KS Daily View 28.12.2022 > คาดหุ้นไทยพักตัวระยะสั้น เน้นลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จีนเปิดประเทศ SET คาดแกว่งตัว 1635-1650 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ D, SHR

สรุปตลาดหุ้นเมื่อวาน : ข่าวจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ไม่ได้มีผลทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐที่กลับมาเปิดทำการปรับขึ้นแรง รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นเล็กน้อยราว 0.4% โดยตลาดหุ้นสหรัฐแม้ดัชนี Dow Jones 0.11%DoD แต่ดัชนี S&P500 -0.41%, NASDAQ -1.38% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักๆ คือ กลุ่ม Energy 1.14% ปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 2 ตามราคาน้ำมันดิบที่เป็นขาขึ้นระยะสั้น, Utilities 0.62%, Consumer Staples +0.47%ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือกลุ่ม Consumer Discretionary -1.64%, Communication Services -1.2% โดยไม่ได้มีข่าวอะไรที่กดดันอย่างมีนัยยะแต่หุ้น Tech คาดถูกกดดันจากBond Yields สหรัฐปรับขึ้นเมื่อคืนอิงอายุ 10 ปีขึ้นไปแตะ 4.45%แต่ย่อลงมาอยู่ที่ 4.32%ช่วงเช้านี้

ในประเทศ : SET Index เมื่อวานขึ้นแรงตามคาดและปิด 1643.16 จุด (+1.01%DoD) แรงหนุนมาจากฝั่งต่างชาติ และกองทุนเป็นหลัก ตอบรับข่าวจีนเปิดประเทศเร็วโดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรงคือกลุ่มที่ลิ้งจีน อาทิ EKH, +7.6%, BA+5.5%, AAV+4.86%, AU+5.45%, AOT 2.4%ฯลฯ ส่วนหุ้นที่ลง JWD -2.3%, THCOM -1%

ประเด็นอื่น คือ รายงานยอดส่งออกไทยเดือน พ.ย.(-6.0%YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาด(-5.2% YoY) สินค้ากลุ่มที่ชะลอ : อาทิ ยาง –34.2%YoY Sentiment ลบต่อ STA, อาหารสัตว์เลี้ยง -5.8%YoY เป็น Sentiment ลบต่อ ITC, AAI  กลุ่มอาหารแช่แข็ง -2.3%YoYลบต่อ TU กลุ่มที่เติบโต อาทิ น้ำตาล +43.4%YoY บวกต่อ KSL, KBS กลุ่ม Auto & Parts + 2.7% Passanger cars+5.8%บวกต่อ  SAT

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดหุ้น

1.) จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด 2 ไตรมาส  KS ประเมินเป็นปัจจัยทางบวกและทางลบต่อตลาดทุน  ฝั่งบวก(+) ประเมินหนุน Upside ต่อ GDP ไทยปี 2023 ราว 0.6% จากกรณีฐานที่ KBANK คาด 3.2%YoY และมีโอกาสจะเห็น Upside จากคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวและส่งออกไทย ,ราคาสินค้าโภคภัณฑ์คาดช่วงต้นปียังทรงตัวสูง เราประเมินผลบวกต่อหุ้นที่ลิ้งกับจีน อาทิ กลุ่มน้ำมัน กลุ่มโรงกลั่น, กลุ่มโรงแรม, โรงพยาบาล, กลุ่มสายการบิน กลุ่มอาหาร ฯลฯ   แต่ฝั่งลบ(-) การที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาดทำให้ในอนาคตโอกาสจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid ต่างประเทศและไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้น อาจเป็นบวกกับกลุ่มที่ขายยา (MEGA) หรือถุงมือยาง (STGT)

2.) ติดตามว่าแนวทางการจัดงานปีใหม่ ซึ่งหน่วยงานราชการหลายแห่งเร่ิมงดจัดกิจกรรมรื่นเริง หรือ การ countdown ประเมินเป็น Sentiment ลบต่อ Media และกลุ่มค้าปลีก

3.) ติดตามยอดขายน้ำมันในปั๊มหลังในระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. หลังช้อปดีมีคืนรอบนี้ผู้ใช้สิทธิสามารถนำค่าเติมน้ำมันมาลดหย่อนภาษีได้ หนุนยอดขายน้ำมันของธุรกิจปั๊ม (OR, BCP, PTG)  เพิ่ม

4.) ติดตามมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เลื่อนเข้า ครม. คาดจะเริ่มพิจารณา 3 ม.ค.2023 และเริ่มต้นปี 2566 มองบวกต่อโรงแรมในประเทศ อาทิ ERW และ CENTEL ประเมินโรงแรมในประเทศเห็นการฟื้นตัว  ปัจจัยหนุนมาจาก ADR คาดจะสูงกว่าปี 2019

ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของสัปดาห์ : เราประเมินตลาดหุ้นไทยระยะสั้นคาดพักตัว แต่แนวโน้มยังยังเป็นขาขึ้น ยังคงมุมมอง SET Index คาดแนวต้านสำคัญคือ 1666 จุด เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อดัชนีอย่างมีนัยยะ ส่วนแนวรับสำคัญ 1,604 จุด ไม่หลุด   โดยหุ้นที่มีทิศทางผลประกอบการแข็งแกร่ง มีปัจจัยบวกอาทิ หุ้นที่ลิ้งจีน, หุ้นปันผล ฯลฯ เราแนะนำให้ Let Profit Run ถือข้ามปี

Theme หุ้นแนะนำ

1) หุ้นที่มีโอกาสถูกทำ Window dressing คือ หุ้นที่กองทุนถือติด top 5 แนวโน้มผลประกอบการปีหน้าดี และมีสภาพคล่องการซื้อขายปานกลางถึงต่ำ เช่น MAKRO, AEONTS, GLOBAL, M เป็นต้น

2) หุ้นที่ลิ้งกับจีน อาทิ EKH, KLINIQ, BDMS, BCH, PTTEP, PSL, SCGP, D, AURA, MOSHI, SHR, CENTEL, ERW

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดกรอบ 1635-1650 จุด หุ้นแนะนำ  D, SHR

Top pick :

  • D (ราคาพื้นฐาน 8.75 บาท) ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ และราคาหุ้นยัง Laggard และอยู่ในโซนล่าง โดยนับจากจุดสูงสุดของปีนี้ผลตอบแทน  -30% และมี Upside จากราคาเป้าหมาย 34% สวนทางกับงบงวด 4Q22 ที่เราคากำไรจะ New High  หนุนจากต่างชาติ และมีปัจจัยหนุนจากเงินบาทที่แข็งค่า
  • SHR (ราคาพื้นฐาน 4.66 บาท) เรายังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อ SHR 1.) คาดกำไรที่สูงขึ้นในงวด 4Q22  จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในประเทศและช่วงไฮซีซั่นในมัลดีฟส์  2.) ราคาก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปปรับตัวลง โดย Dutch TTFล่าสุดลดลงเหลือ 82.1 ยูโรต่อ MWh (-30% WoW) และต่ำสุดนับแต่ต้นปี 2022

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ ติดตามตัวเลข Industrial production ของญี่ปุ่น เดือน พ.ย. คาด -0.3% MoM และตัวเลข Pending home sales ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด -1% MoM และ -32% YoY

วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +225K (vs. +216K สัปดาห์ก่อนหน้า) และตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์

วันศุกร์ ติดตามตัวเลข Private Consumption index ของไทยเดือน พ.ย. คาด -0.4% MoM และตัวเลข Chicago PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 40 จุด (+7.5% MoM)

- Advertisement -