บล.ทรีนีตี้:

เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซส – JMT

ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 80 บาท, Upside/Downside +62%, Median Consensus 75 บาท

กำไร 4Q65 ทํา New High ตามคาด

  • กำไร 4Q65 อยู่ที่ 490 ล้านบาท เติบโต 8%QoQ และ 3%YoY ใกล้เคียงคาด
  • กระแสเงินสดจาก NPL ลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลระยะสั้น
  • มีค่าใช้จ่ายทางด้านกฎหมาย หากไม่รวมปัจจัยดังกล่าว กำไรจะเติบโตค่อนข้างดี
  • ธุรกิจประกันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
  • คาดปี 66 กำไรเติบโตได้ดีขึ้น หลังหมดปัจจัยกดดัน
  • ยังคงติดตามรายละเอียดและแผนธุรกิจหลังการ Spin-off JAM
  • คงราคาเป้าหมาย 80 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 4Q65 ทำ New High ตามคาด แต่ยอดจัดเก็บอาจอ่อนตัวระยะสั้น

JMT ประกาศกำไร 2565 ที่ 1,746 ล้านบาท เติบโต 25%YoY ขณะที่กำไร 4Q65 อยู่ที่ 490 ล้านบาท เติบโต 8%QoQ และ 3%YoY เป็นระดับ New High ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยยอดจัดเก็บกระแสเงินสดสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 5,548 ล้านบาท เติบโต 21%YoY ขณะที่ยอดจัดเก็บใน 4Q65 อยู่ที่ 1,337 ล้านบาท อ่อนตัว 6%QoQ และ 2%YoY ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากการลงทุนซื้อหนี้ในระหว่างปีที่ค่อนข้างน้อย บวกกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอาจมีผลระยะสั้น คือ ลูกหนี้อาจต้องนำเงินไปลงทุนหรือไปบริโภค ขณะที่ต้นทุนในการให้บริการเพิ่มขึ้น 18%QoQ โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางด้านกฎหมายและดำเนินคดีราว 31 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้การจัดเก็บในปี 66 ปรับตัวดีขึ้น ด้านเบี้ยประกันภัยรับเติบได้ดีราว 35%QoQ และ 65%YoY อีกทั้งยังเห็นอัตรากำไรที่ดีขึ้นหลัง Loss Ratio ลดลง หลังไม่มีประกันภัย COVID-19 เข้ามากดดัน สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (JK AMC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 77%QoQ มาอยู่ที่ 63 ล้านบาท เนื่องจากใน 4Q65 มียอดรับโอน NPL เข้ามาอีกราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ยอดหนี้ภายใต้การบริหารอยู่ที่ราว 7 หมื่นล้านบาทแล้ว

ปี 66 คาดปัจจัยกดดันลดลง กำไรจะเติบโตชัดเจนมากขึ้น

สำหรับกำไรปี 2565 ที่เติบโตน้อยลงเหลือ 25%YoY แม้จะยังเติบโตสูง และยังเป็นกำไรระดับ New High แต่มีปัจจัยกดดัน โดยในด้านการจัดเก็บได้รับผลกระทบจากโรคระบาดและปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่  และในด้านการซื้อหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน โดยเรามองว่าในปี 2566 ปัจจัยกดดันดังกล่าวจะลดน้อยลง ทำให้การจัดเก็บกระแสเงินสดจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และการซื้อหนี้จะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการขายหนี้จากสถาบันการเงินที่มากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ นอกจากนี้เรายังคาดจะเห็นส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่มากขึ้นจากการรับโอนหนี้จาก KBANK เข้ามาเพิ่มเติม โดยเราคาดกำไรปี 2566 ที่ 2,501 ล้านบาท เติบโต 43%YoY

รอดูรายละเอียดการ Spin-off JAM

บริษัทมีแผนที่จะนำ JAM ซึ่งเป็นบริษัทลูกเขา IPO ในตลาดฯ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับโครงสร้าง โดยเราคาดว่า JMT จะบริหารพอร์ตหลัก คือ หนี้ไม่มีหลักประกัน ขณะที่ JAM จะบริหารหนี้ที่มีหลักประกัน ซึ่ง JAM จะได้เงินที่ได้จากการระดมทุนไปประมูลซื้อหนี้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอความชัดเจนในด้านโครงสร้าง และแผนธุรกิจภายหลังการ Spin-off จากทางบริษัทอีกครั้งหนึ่ง

คงราคาเป้าหมาย 80 บาท

เราคงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 80 บาท อิง PBV 4.7 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันที่อ่อนตัวทำให้ Downside ต่ำ ขณะที่แนวโน้มกำไรยังเติบโตดี เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: อัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสดและการซื้อหนี้ต่ำกว่าที่คาด

- Advertisement -