บล.เอเซีย พลัส:

BJC คาดกำไร 4Q66 ฟื้นแรง QoQ

คาด BJC จะมีกำไรสุทธิงวด 4Q66 ที่ 1.6 พันล้านบาท (+132% QoQ, -1% YoY) โดยกำไรที่คาดจะโตแรง QoQ เพราะยอดขายโตขึ้นจากผลของฤดูกาล ส่วนกำไรที่ลดลง YoY แม้คาดยอดขายจะโตขึ้นได้ แต่จะถูกหักล้างจากทั้งค่าใช้จ่ายขายและบริหาร รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น

หากกำไร 4Q66 เป็นไปอย่างคาด จะทำให้กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2566 มี upside เพียง 3% – 4% ของคาดการณ์ เราจึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566–67 ที่ 4.6 พันล้านบาท (-9% YoY) และ 5.5 พันล้านบาท (+19% YoY) ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 35.00 บาท (อิง PER 25.6 เท่า, -1.0 SD) รวมทั้งคงคำแนะนำ “Outperform” จาก 1) กำไร 4Q66 ที่จะโตแรง QoQ, 2) 1Q67 คาดได้ประโยชน์จาก Easy E-receipt หนุนกำไรโต YoY และ 3) ราคาหุ้น laggard กลุ่ม

คาดกำไร 4Q66 ฟื้น QoQ แต่ยังทรงตัว YoY

ฝ่ายวิจัยประเมินว่า BJC จะมีกำไรสุทธิในงวด 4Q66 ที่ 1.6 พันล้านบาท (+132% QoQ, -1% YoY) ประเด็นหลักที่ผลักดันกำไรให้โตแรง QoQ คือ

  • คาดรายได้ขายและบริการรวมเพิ่มเป็น 4.1 หมื่นล้านบาท (+9% QoQ) เพราะธุรกิจหลัก (ธุรกิจค้าปลีก -BigC) ได้รับผลบวกจากฤดูกาล และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัวจากบรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งสามารถชดเชยรายได้จากทั้งธุรกิจเวชภัณฑ์ อุปกรณ์แพทย์/เทคนิค รวมทั้งธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ที่คาดจะชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
  • อัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจาก 19.2% เป็น 20.3% เพราะได้แรงหนุนจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีกำไรขั้นต้นดีขึ้น หลังก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตแก้ว มีราคาที่ปรับลดลง รวมทั้งธุรกิจ
  • คาดค่าใช้จ่ายขายและบริหาร/ยอดขาย ลดลงจาก 21.2% ในไตรมาสก่อนเหลือ 20.0% ตามฐานรายได้ที่สูงขึ้น

หากเทียบ YoY แม้คาดรายได้จากการขายและบริการจะโตได้ 6% YoY โดยคาดมีเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่เติบโต จากจำนวนสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth-SSSG) จะชะลอ 0.2% รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ที่คาดจะเพิ่มจาก 18.8% ใน 4Q65 เป็น 20.3% จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทุกธุรกิจ แต่กำไรกลับลดลงเล็กน้อยเพราะ 1) คาดค่าใช้จ่ายขายและบริหารจะสูงขึ้น (+7% YoY) และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น (+13% YoY)

คาดกำไร 1Q67 โตได้แค่ YoY

แนวโน้มกำไรงวด 1Q67 ของ BJC น่าจะโตขึ้นได้ YoY จากปัจจัยสนับสนุนดังนี้ แต่เรามองว่าการเติบโต QoQ ถือเป็นสิ่งท้าทาย เมื่อเทียบกับฐานกำไรที่สูงใน 4Q66

คงประมาณการกำไร คงคำแนะนำ “Outperform”

หากกำไรงวด 4Q66 เป็นไปอย่างคาด จะทำให้กำไรสุทธิโดยรวมสำหรับปี 2566 มี upside 3% – 4% ของคาดการณ์ทั้งปี และมี upside จากคาดการณ์กำไรปกติเพียง 1% – 2% ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566 – 2567 ที่ 4.6 พันล้านบาท ในปี 2566 (-9% YoY) และ 5.5 พันล้านบาท ในปี 2567 (+19% YoY) ตามลำดับ

ภายใต้ประมาณการเดิม เรายังคงราคาเป้าหมายสำหรับปี 2567 ที่ 35.00 บาท (อิง PER ปี 2567 ที่ 25.6 เท่า,
-1.0 SD) รวมทั้งคงคำแนะนำสำหรับหุ้น BJC “Outperform” เนื่องจาก 1) ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไร 4Q66 ที่กำลังจะออกมาในช่วงเดือน ก.พ. 67 โดยมีแนวโน้มโตแรง QoQ, 2) คาดหวังกำไรใน 1Q67 โตได้ดี YoY จากมาตรการ “Easy E-receipt” และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากขึ้น หนุนกำลังซื้อ และ 3) ราคาหุ้น laggard กลุ่ม โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER ราว 19.6 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มพาณิชย์ซื้อขายที่ 26.3 เท่า และราคา BJC ปรับลดลง 6% YTD ขณะที่หุ้นในกลุ่มปรับลงเฉลี่ย 1%

สำหรับ upside จาก บ.ลูก คือ บมจ.บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น (BRC) ที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ซึ่งคาดจะส่งผลบวกต่อ BJC คือ หาก BRC นำเงินได้จากการเพิ่มทุน ไปชำระคืนหนี้ที่กู้ยืม จะทำให้งบการเงินรวมของ BJC มีความแข็งแกร่งขึ้น จากภาระหนี้และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงด้วย แต่อย่างไรก็ตาม BRC ได้เลื่อนการเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ออกไปโดยไม่มีกำหนด ฝ่ายวิจัยจึงยังไม่รวม upside นี้ไว้ในประมาณการ

ประเด็นความเสี่ยง

  1. เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อที่ลดลง
  2. ธุรกิจหลัก (ค้าปลีก) มีการแข่งขันในอุตสหกรรมสูง
  3. การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดใกล้เคียงกัน
  4. ธุรกิจรองอย่างบรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภคมีการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ในการผลิต เช่น ก๊าซธรรมชาติ อลูมิเนียม เยื่อกระดาษ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงราคา จะส่งผลต่อต้นทุนของบริษัท
- Advertisement -