KS Daily View 24.04.2024 >>> ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อาจขยายวง คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1,380-1,400 แนะนำ VGI, BBL

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,365 จุด มอง sentiment บวกจากต่างประเทศยังเป็นปัจจัยหนุนหลักหลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิต Flash PMI เดือน เม.ย. ออกมาปรับตัวลดลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาดสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังค่อนข้างผันผวนและยังมีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์ปรับอ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลงในช่วงข้ามคืนซึ่งส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านประเด็นผลการประชุมครม.วานนี้ เรื่องโครงการเติมดิจิทัลวอลเล็ต นายกและพรรคร่วมแถลงเห็นชอบในหลักการและเตรียมเดินหน้าโครงการก็ถือเป็นปัจจัยบวกสร้างอัพไซท์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยและทิศทางการลงทุนหากทำได้จริง โดยกระบวนการต่อไปคือรอทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการใช้แหล่งที่มาของเงินจาก ธ.ก.ส. ตาม ม.28 สามารถทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี มองปัจจัยเสี่ยงสัปดาห์นี้ยังมีโดยเฉพาะตัวเลข GDP และเงินเฟ้อ Core PCE ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจะรายงานในช่วงวันพฤหัสฯ และศุกร์นี้ยังต้องติดตาม โดยหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาดอาจทำให้ความกังวลเรื่อง Fed จะไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้เลยกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.นายกฯพร้อมพรรคร่วม แถลงเดินหน้าโครงการเติมดิจิทัลวอลเล็ต หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้เห็นชอบในหลักการและเตรียมเดินหน้าโครงการ ย้ำเริ่มลงทะเบียนโครงการได้ใน Q3/24 และได้รับเงินจากโครงการช่วง Q4/24 ทั้งนี้ในที่ประชุมครม. วานนี้ได้เห็นชอบเพิ่มเติมให้มีการส่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการใช้แหล่งเงินจาก ธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยขณะที่รอทางกฤษฎีกาตีความและในช่วงเวลาที่เหลือ 4-5 เดือนจากนี้จะมีการดำเนินการในการกำหนดรายละเอียดต่างๆของโครงการและจะชี้แจ้งอีกครั้งเมื่อได้ข้อสรุปและมีรายละเอียดที่ครบถ้วน ทั้งนี้แม้ยังไม่มีรายละเอียดอย่างเป็นทางการที่ชัดเจนเรื่องเกณฑ์ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ แต่จากคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกรัฐบาลว่าจะไม่ตั้งเงื่อนไขเพื่อกีดกันบริษัทร้านค้าที่ดำเนินการอยู่แล้วจนประสบความสำเร็จในระบบที่ถูกต้อง ทำให้อาจตีความได้ว่ากลุ่มค้าปลีก รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้ออย่าง 7-11 หรือ CPALL ก็น่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการเติมดิจิทัลวอลเล็ต

2.ตลาดหลักทรัพย์ฯนัดแถลงมาตรการยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขายในวันที่ 25 เม.ย. นี้ มองเป็นข่าวบวกหากตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถออกกฎระเบียบที่ช่วยดูแลนักลงทุนและสร้างให้แวดล้อมการลงทุนมีความโปร่งใสยุติธรรมเนื่องจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติกับการลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง มองเป็นบวกต่อบรรยาการลงทุนโดยรวมในตลาด

3.หลังทางสมาคมธนาคารไทยได้เข้าพบนายกฯ สมาคมเตรียมพิจารณาหาแนวทางร่วมกับสมาชิกเพื่อช่วยเหลือลดภาระทางการเงินลูกหนี้รายย่อย และกลุ่มเปราะบางโดยมีกำหนดประชุมในช่วงเย็นวันที่ 24 เม.ย. มองเป็นประเด็นมีผลกระทบต่อกลุ่มธนาคาร

4.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1 มกราคม-21 เมษายน 2024 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา 11.3 ล้านคนเติบโตขึ้น 42% YoY แยกเป็นนักท่องเที่ยวจีน 2.15 ล้านคน, มาเลเซีย 1.47 ล้านคน , รัสเซีย 7.27 แสนคน, เกาหลีใต้ 6.43 แสนคน, อินเดีย 5.87 แสนคน ประกอบกับ ครม. เห็นชอบ free visa นักท่องเที่ยวรัสเซียสามารถอยู่พักในไทยชั่วคราวได้ไม่เกิน 60 วันมองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

SCGP: ราคาพื้นฐานที่ 38.0 บาท

บริษัทรายงานกำไร Q1/24 เติบโตแรง 28% QoQ และ 43% YoY สูงกว่าประมาณการของเราและตลาด 9% และ 13% จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและ GPM ที่ขยายตัว โดยปริมาณการส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปยังจีนเพิ่มขึ้น และปริมาณการขายในเวียดนามจะฟื้นตัวหลังช่วงเทศกาลวันหยุดยาว อีกทั้งวานนี้มีประชุมนักวิเคราะห์กับทางบริษัทซึ่งเรามีมุมมองเชิงบวกจากการประชุม โดยผู้บริหารให้ข้อมูลมองว่าโมเมนตัมเชิงบวกจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี ด้วยแนวโน้มเชิงบวกทำให้เราเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2567-68 ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายเป็น 38.00 บาท จาก 36.00 บาท อิงตามเป้า PER ที่ 23.6 เท่า หรือเท่ากับ -1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงการซื้อขายในอดีตซึ่งถือเป็นระดับ valuation ที่ไม่แพง

AAV: ราคาพื้นฐาน 2.74 บาท

แนวโน้มผลประกอบการบริษัททั้งปี 2024 จะเติบโตสูง จากจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ อีกทั้งปีนี้บริษัทมีแผนเปิดเส้นทางใหม่สู่ญี่ปุ่นเพิ่มตอบสนองความต้องการจากทั้งนักท่องเที่ยวไทยและไต้หวันที่ชื่นชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น เรามองหุ้นเข้ากับกระแสคนท่องเที่ยวทั้งไทยและญี่ปุ่นมากนับตั้งแต่ต้นปีมา อีกทั้งเราประเมินผลประกอบการบริษัทคาดว่าน่าจะสามารถขยายตัวได้ในระดับสูงทั้ง QoQ และ YoY ใน Q1/24 จากจำนวนผู้โดยสารและค่าโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ: ติดตามดัชนี Business Climate ของเยอรมันในเดือนเม.ย. จากสถาบัน Ifo โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 88.8 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 87.8 จุด พร้อมทั้งติดตามตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดว่าจะออกมาขยายตัวที่ 2.5% MoM จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.4% MoM

วันพฤหัสฯ: ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 1 โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 2.5% QoQ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.4% QoQ

วันศุกร์: ติดตามตัวเลขส่งออกไทยประจำเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดหดตัวที่ 5.9% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.6% YoY พร้อมทั้งติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบเดิมที่ 0 – 0.1% ต่อด้วยการรายงานดัชนี Core PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาขยายตัวที่ 2.7% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% YoY ซึ่งมองเป็นผลมาจากค่าเช่าที่ยังสูงและอาจส่งผลให้ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะทรงตัวเหนือระดับเป้าหมายของเฟด

- Advertisement -