ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

รีบาวด์ ก่อนเทรดผันผวนต่อไป

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธรีบาวด์ ก่อนเทรดผันผวนต่อ หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่คาด ปรับลดลงตามแรงขายหุ้นตัวหลักๆ เกือบทุกกลุ่ม หลังจากดัชนีฯ ยังคงไม่สามารถผ่านระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,650 จุดไปได้ ซึ่งเป็นจุดที่มีนัยสำคัญเชิง earnings yield gap (EYG) เนื่องจากคิดเป็น EYG ที่ 4.1% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระยะยาว … ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกเล็กน้อย น่าจะพอกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดได้บ้าง ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นตามความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มการแพทย์และกลุ่มเทคโนโลยี โดยผลประกอบการของ Johnson & Johnson ออกมาดีกว่า consensus คาดค่อนข้างมาก ตามยอดขายวัคซีน COVID-19 ขณะที่หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการ Netflix รายงานงบแข็งแกร่งกว่า consensus คาดเช่นกัน ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจจะอยู่ยาวนานกว่าคาด ผลักดันบอนด์ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐฯปรับขึ้นเหนือระดับ 1.6% เมื่อคืนนี้เช่นกัน … ด้านปัจจัยภายในประเทศที่ประชุมครม. เมื่อวานนี้มีมติออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 รวมทั้งมาตรการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนเกิน 1 ล้านดอลลาร์ฯ ในภาคอสังหาฯ ในบริษัท ทั้งที่อยู่ในตลท. และที่ไม่อยู่รวมทั้งที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย ขณะที่เช้าวันนี้สบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ชะลอลงมาที่ 8,918 รายเสียชีวิต 79 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 10,878 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร GLOBAL*, KTB*, CPALL*

  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 27 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 21.5 บาท / แนวต้าน 22.1 – 22.6 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 23 บาท (Trailing stop 21 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงานฟื้นตัวเด่นใน 4Q64 จาก i) คาดความต้องการวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านจะเพิ่มขึ้นเพื่อซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม และเพื่อการ Renovate รองรับการเปิดประเทศ และ ii) ลุ้นโครงการช้อปดีมีคืนปลายปีนี้ 3) Forward PE บนประมาณการฯ ปี 2565 จะลดลงเหลือ 28.5 เท่า จากปีนี้ที่ 31.5 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ในอดีตที่ 31 เท่า
  • KTB* (เป้าพื้นฐาน 15.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.1 – 12.5 บาทหากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/ 13 บาท (Stop loss 11 บาท) 2) ประเมิน KTB* รับ Sentiment บวกจากงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ ที่เตรียมนำเสนอสำหรับปีหน้า 3) โอกาสต่อยอดธุรกิจด้าน Fintech จากแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากทั่วประเทศขณะนี้ (ราว 33 ล้านคน) 4) Valuation Laggard กลุ่มฯ โดย PBV เพียง 0.47 เท่า ขณะที่คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2565 ตามภาวะเศรษฐกิจหลังการเปิดประเทศ
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 70 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 64.5 บาท / แนวต้าน 67 68 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 70 บาท (Stop loss 63 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานหลักใน 3Q64 จะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มฟื้นตัวใน 4Q64 เป็นต้นไป หลังการเปิดประเทศ 3) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการปรับโครงสร้างการถือหุ้น MAKRO และ Lotus จะเป็นบวกต่อ CPALL* โดยประเมิน Upside ต่อประมาณการฯ ปี 2565-67 ราว 4-10% หลังการปรับโครงสร้างเสร็จ 4) บนประมาณการฯ ปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปี 2565 จะพลิกกลับมาโต +46% YoY และ Forward PE จะลดลงมาเป็น 33 เท่าจาก 48 เท่าในปีนี้

หุ้นมีข่าว

(0) AAV* แจ้งมติแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ฯ และบจ.ไทยแอร์เอเชียการเพิ่มทุนการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ การแก้ไขข้อบังคับการขอผ่อนผันการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (Whitewash) และการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (www.set.or.th) … รออ่านรายละเอียดการวิเคราะห์ผลกระทบจากการเพิ่มทุนเพิ่มเติมจากฝ่ายวิจัยฯ

(+) SAMART บุ๊กภาษีเบียร์ SAMTEL พุงกางไซเบอร์ (ทันหุ้น) SAMART จ่อรับรู้รายได้โครงการจัดการเก็บภาษีสรรพสามิตเบียร์ 8 พันล้านบาทพฤศจิกายนนี้ ขณะที่ SAMTEL ลุยงานป้องกันภัยไซเบอร์ร่วมกับ IBM โอกาสโตแรง มีศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามทางไซเบอร์ใช้ AI แก้ปัญหาตรงจุด มุ่งรับงานภาครัฐ-เอกชน ขณะที่ SDC โหมบริการดิจิทัลกันภัยประชาชนผ่านแอป “ปกป้อง” ล่าสุดร่วมกับ AIS โกยรายได้พุ่ง 300%

(0) ‘ป๊อก’ ป๊อดถอนสีเขียว ยื้อต่ออายุสัมปทาน BTS (ข่าวหุ้น) BTS คอยเก้อ! บิ๊กป๊อกป๊อดถอนวาระต่อสัมปทานสายสีเขียวออกจากครม. วานนี้ หลังจากเคยเสนอครม. มาแล้วรอบหนึ่งเมื่อ 13 ส.ค. 63 แต่นายกรัฐมนตรีไม่พิจารณา อ้างให้รมว. คลังคนใหม่ได้ดูก่อน ฟากกลุ่มซีพีส่งหนังสือขอเลื่อนจ่ายค่าโอนเรลลิงก์เหตุโควิด-19 ทำพิษ! ล่าสุดครม. รับทราบแล้วสั่งสกพอ.-ร.ฟ.ท. เร่งแก้ปัญหา

(+) HANA* เตรียมผลิตอุปกรณ์รถ EV ป้อนตลาดปลายปีหน้าหนุนรายได้เพิ่ม 20% (ข่าวหุ้น) ฮานาทุ่ม 2-2.16 พันล้านบาท พัฒนาผลิตภัณฑ์การจัดการพลังงานซิลิคอน-ซิลิคอนคาร์ไบด์เสร็จแล้ว เตรียมสู่ตลาด EV Car-EV charger คาดผลิตป้อนตลาดปลายปี 65- ต้นปี 66 หนุนรายได้เพิ่ม 15-20% ใน 3-4 ปีช้างหน้า

(+) EP ทุ่มอีก 1,885 ล้านบาท ซื้อหุ้น PPTC-SSUT เพิ่ม (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) บอร์ด EP ไฟเขียวทุ่มเงินลงทุนกว่า 1,885 ล้านบาท ส่ง E-COGEN ถือหุ้นเพิ่มใน 2 โรงไฟฟ้าโคเจนฯ ผ่านการซื้อหุ้นสามัญของ TAC จาก CHUBU ในสัดส่วนถือหุ้นทั้งทางตรงทางอ้อมเต็ม 100% ใน SSUT และ 74.5% ใน PPTC บิ๊กบอส “ยุทธ ชินสุภัคกุล” มั่นใจรายได้ขายไฟ-ไอน้ำพุ่งกระฉูด กำไรเติบโตอย่างมั่นคง

(+) เอสเอฟฯซี้โรงหนังฟื้นตัวเร็ว (กรุงเทพธุรกิจ) ลุ้น 1 พ. ย. ปลดล็อก “เคอร์ฟิว” ถูกล็อกดาวน์ 158 วันสําหรับโรงภาพยนตร์ในพื้นที่สีแดงเข้ม พอคลายล็อกให้กิจการกลับมาเปิดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาบรรยากาศก็คึกคักขึ้นมา แรงส่งสำคัญ คือ คอนเทนท์ “หนังฟอร์มยักษ์” ที่ตบเท้าเข้าฉายจนคนดูอาจไล่ดูไม่ทันเป็นปัญหาที่มีความสุข (Happy Problem)

(+) JR ปลดล็อกงานทะลักดีลร่วมทุน EA ชัดพ.ย. (ทันหุ้น) JR ภาพรวมการลงทุนภาครัฐ-เอกชนเริ่มกลับมาลงทุน และเปิดประมูลงานมากขึ้น จ่อชิงงานระบบไฟฟ้าเพิ่มมูลค่ารวมประมาณ 800 ล้านบาท อัพ Backlog เพิ่มจากเดิม 5.4 พันล้านบาท กินยาวถึงปี 2566 ส่วนร่วม EA ตั้งสถานีชาร์จขนาดใหญ่คาดชัดเจนเดือนหน้าบิ๊ก “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ” คอนเฟิร์มปีนี้รายได้ชน 2.4 พันล้านบาท

(+) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ 54,506 ล้านบาท สำหรับโครงการมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ 4 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อแก่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 3 ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือในการซื้อสินค้าเพิ่มอีก 300 บาท เป็นเงิน 500 บาท ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 64 วงเงินงบประมาณ 8,122 ล้านบาท 2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษจำนวน 2.3 ล้านคน อนุมัติเพิ่มอีก 300 บาทเป็นเงิน 500 บาทในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 54 วงเงินงบประมาณ 1,384 ล้านบาท 3. โครงการคนละครึ่งเฟส 3 อนุมัติเพิ่มให้อีก 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 4,500 บาท โดยใช้สิทธิ์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 64 หรือจนกว่าจะใช้สิทธิ์เต็มวงเงินงบประมาณ 42,000 ล้านบาท 4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ปรับเพิ่มวงเงินที่คำนวณ eVoucher เป็น 80,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000 บาท วงเงิน 3,000 ล้านบาท (ที่มา: สํานักโฆษก) มาตรการช่วยเหลือคิดเป็นสัดส่วน 0.33% ของ GDP ภายใต้พรก. 5 แสนล้านบาท รัฐบาลมีวงเงินเหลืออีก 2.6 แสนล้านบาท หรือ 1.6% ของ GDP คาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มอีกก่อนสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ GDP ปี 2564 ขยายตัว 1.3% เท่ากับกรณีที่สุดของเรา แต่ถ้ารัฐบาลใช้เงินทั้งหมด 2.6 แสนล้านบาทจะส่งให้ GDP จะขยายตัวได้สูงกว่า 1.5%

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • SPRC * (เป้าพื้นฐาน 11.4 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 10.5 mm)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนวรับ 140 บาท / แนวต้าน 145 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 139 บาท)
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 57 บาท) แนวรับ 44.5 บาท / แนวต้าน 46-47.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 44 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.30 บาท / แนวต้าน 3.46 – 3.60 บาท (Trailing stop 3.30 บาท)
  • BTS* (เป้าพื้นฐาน 12.6 บาท) แนวรับ 9.5 บาท / แนวต้าน 9.8-9.9 บาท (Trailing stop 9.45 บาท)
  • PSH* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 13.1 บาท / แนวต้าน 13.5 – 13.8 บาท (Stop loss 13.0 บาท)
  • SA (เป้า Consensus 15 บาท) แนวรับ 9.0 บาท / แนวต้าน 9.2 -9.45 บาท (Stop loss 8.9 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • PLANB* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.55 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 74 ล้านบาทใน 3Q64 ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดต่ำและจะค่อยฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป เป็นผลจากการกลับมาเปิดประเทศและเข้าสู่ High season ขณะที่ได้อานิสงส์จากดีล MACO
  • XO แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 30 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q64 = 92.5 ล้านบาท (-42% YoY, -40.2% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะชะลอตัวลงเป็นผลจากขาดแคลนบรรจุภัณฑ์ เป็นผลทางอ้อมจากโควิด -19 ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลงสะท้อนประเด็นนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าในเชิงพื้นฐานระยะยาวยังแข็งแกร่งจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บลหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -