กลยุทธ์หลัง SET หลุด 1600 สัปดาห์หน้าติดตาม GDP 1Q65 ของไทย

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ระดับ 1,584.52 จุด ลดลง 28.82 จุด (-1.79%) มูลค่าการซื้อขาย 92,529.65 ล้านบาท ปรับตัวลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

แนวโน้มตลาดวันนี้...เราประเมิน SET Index มีแนวโน้ม Rebound ขึ้นหลังปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ 1580 เป็นจุดพิจารณา นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเริ่มซื้อเก็งกำไรในหุ้นรายหลักทรัพย์ได้ ในลักษณะเข้าเร็วออกเร็ว  ขณะที่นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เราแนะนำให้ถือเงินสดไปก่อน ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่า SET Index จะ bottom out ได้ในช่วงปลาย พ.ค.-กลางมิ.ย. ซึ่งรอการปรับฐานอีกครั้งหากหลุด 1580 จะมีแนวรับไว้สะสมช่วง 1550/1532 โดยบ้านเรามีปัจจัยภายในประเทศที่เป็นบวกอย่างภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น มีกลุ่ม Re-opening ที่เริ่มฟื้นตัว และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่ MSCI Global Standard Index ประกาศหุ้นเข้าคำนวณ ได้แก่ JMT ตามที่เราคาด และออกจากดัชนีคือ STGT

ส่วนตลาดต่างประเทศยังปรับตัวลง จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐ และแนวโน้มเฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงและเร็วกว่าคาด แต่ทั้งนี้ VIX Index ยังทรงตัวแถว 31 +/- จุด มองว่าตลาดได้ซึมซับประเด็นนี้ไปบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังต้องจับตา เพราะ Financial Shock ในอดีต VIX Index สามารถปรับตัวขึ้นไปเกือบถึงระดับ 50 จุด ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นจาก EU เตรียมบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย รวมทั้งการที่ยูเครนปิดท่อส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรป หนุนกลุ่มพลังงาน เราชอบ PTTEP PTT

สำหรับตลาด TFEX ปัจจุบันมี Ol ของ S50 Futures ที่ 426,699 สัญญา ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย YTD เล็กน้อยที่ 439,044 สัญญา สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้เห็น fund flow ไหลออก MTD ผ่านยอด Net Short สะสมของนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน ทั้งนี้เรามองว่ากลุ่มที่จะเป็นเป้าหมายกลับมาลงทุนในระยะถัดไปของทั้ง 2 กลุ่มนักลงทุน คือหุ้นในกลุ่ม Big cap ที่ยัง underperform ตลาด อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า, แพคเกจจิ้ง, กลุ่มธนาคาร/ประกัน และกลุ่มเปิดเมือง นอกจากนี้ตลาดบ้านเราสู่ช่วงวันหยุดยาว แนะนำลงทุนในกลุ่ม Defensive เพื่อรองรับความผันผวน แนะนำสะสม BGRIM GPSC GULF BLA JMT BDMS CPALL GFPT TACC

ปัจจัยที่ต้องติดตาม ตัวเลข GDP1Q65 ของไทยที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.7%YoY, ขยายตัว 1.4%QoQ ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออก-ท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึง FOMC minutes ในปลายเดือน พ.ค. ที่จะเป็นอีก 1 สัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% หรือไม่ในการประชุมครั้งหน้า และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน

เคาะไป คุยไป BDMS

Investment Highlights

  • BDMS เป็นหุ้นกลยุทธ์ของเรา แนะนำ ซื้อสะสม โดยงบ 1Q65 ออกมาดีกว่าตลาดคาด มีกำไรสุทธิที่ 3.44 พันล้านบาท (+34%QoQ, +152%YoY) เติบโตจากรายได้ต่างชาติ (ตะวันออกกลาง+CLMV) ที่ได้อานิสงค์จากการเปิดประเทศ ทําให้ลูกค้าแบบ fly-in เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ขณะที่ลูกค้าในประเทศยังเติบโต และการควบคุมต้นทุนที่ดี ทั้งนี้จากการเข้า Analyst meeting ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ปี 65 ขึ้น เป็นขยายตัว 12-15% จากเดิมที่เติบโต 8% จากรายได้กลุ่ม Non COVID และลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก แต่ยังคงระดับ margin ที่ระดับ 22-23% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเริ่มเห็นการซื้อตัวมากขึ้น
  • ด้านแนวโน้ม 2Q65 เป็นช่วง Low Season และมีเทศกาลรอมฎอรทำให้ลูกค้าตะวันออกกลางลดลงเล็กน้อย (รอผู้บริหาร update ตัวเลข แต่ยอดเท่าเดิมกับปีก่อนๆ) แต่จะยังเห็นการเติบโตของลูกค้า CLMV เข้ามาชดเชย และฐานที่ต่ำในปีก่อน อาจเห็นกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ทั้งนี้ผลประกอบการจะฟื้นตัวอีกครั้งใน 2H65 ส่วนเป้าค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะสามารถ รักษาระดับที่ 17% ได้ ภายใต้ Occupancy rate อยู่สูงกว่า 80% ส่วน IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 28.67 บาท ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่า BDMS ถือเป็นแหล่งพักเงินในระยะสั้นได้ดี เนื่องจากเป็นหุ้น defensive ท่ามกลางความผันผวนของตลาด

Investment Strategy

Source : Aspen

แนะนํา “เคาะ” ครับ แท่งเทียนแกว่งตัวหรือเรียงตัวทำ Lower Up ผ่านยืน Neck Line ระยะสั้น 25.25 และ SMA13วัน 25.50 ด้วย แท่งเทียนสีขาวยาว สอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกลับตัวขึ้นทางเทคนิคฯ รูปแบบ V-Shape แนวต้าจุดทดสอบ จุดสูงเดิม 27 ผ่านยืนควรมี Volume เพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณชี้นำ

คําแนะนําของ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ เพิ่มการลงทุน/แนวต้าน 27/28.25 มีโอกาส ทดสอบ

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 25.50/24.50 ไม่ควรต่ำกว่า

กระแสข่าวหุ้น

ประเด็นบวก

  • ปตท.กำไร 2.56 หมื่นล้าน พิษ “ขาดทุนเฮดจิ้ง” หนัก! – “ปตท.” แจ้งงบไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 25,571 ล้านบาท ลดลง 21.5% พิษขาดทุนเฮดจิ้งหนัก 48,979 ล้านบาท เหตุขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ด้าน “อรรถพล” ขานรับคำสั่งรมว.พลังงาน เร่งช่วยเหลือด้านต้นทุนพลังงาน มั่นใจคลัง LNG หนองแฟบเสร็จตามแผน เปิดใช้เฟสแรก มิ.ย.นี้
  • GULF กำไร 4 พันล้าน! แรงส่ง “ไอพีพี-อินทัช” ปีนี้เดินหน้าขยายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล – GULF โชว์ไตรมาส 1/65 ฟันกำไรสุทธิ 3.39 พันล้านบาท โตกระฉูด 129% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทำนิวไฮ พุ่ง 36% หลังบันทึกรายได้โรงไฟฟ้าไอพีพี GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 บวกก๋าไรที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่เยอรมัน และส่วนแบ่งกําไรจาก INTUCH กว่า 1.1 พันล้านบาท ขณะที่แผนปีนี้มุ่งเน้นลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ-ต่างประเทศ และขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
  • ADVANC รายได้ปีนี้โต 4-5% ทุ่มงบ 3 หมื่นล้าน เร่งขยาย 5G – ADVANC คงเป้ารายได้ปีนี้โต 4-5% จากปีก่อน 1.81 แสนล้านบาท แต่ยอมรับเป็นอัตราเติบโตแบบอ่อนตัว เหตุโควิด-เงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ อัดงบลงทุน 30,000-35,000 ล้านบาท เร่งขยายโครงข่าย 5G ลั่นไม่หวั่น TRUE ควบรวมกับ DTAC เดินหน้าสู่เป้าหมายบริการโซลูชันดิจิทัลที่สูงขึ้น
  • SMT รายได้ปีนี้ 3.3 พันล้านโต 51% ซุ่มเจรจาลูกค้า 15 ราย มูลค่ากว่า 4 พันล้าน – SMT คาดยอดขายไตรมาส 2/65 โตกว่าไตรมาสแรก หลังออเดอร์ 3 ธุรกิจหลักทะลักเริ่มผลิตสินค้าใหม่ ส่วนสัปดาห์นี้ลุยลงทุนเครื่องขุดบิตคอยน์ เริ่มรับรู้รายได้ปีนี้ ซุ่มเจรจาเซ็นสัญญาลูกค้า 15 ราย มูลค่า 4,000 ล้านบาท ออเดอร์แน่น 2,500 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โต 51% แตะ 3,300 ล้านบาท

ประเด็นลบ

  • ตลาดตกใจเงินเฟ้อ-ฉุดหุ้นดิ่ง-ดอลลาร์แข็ง “บิตคอยน์” ร่วงต่ำกว่า 27,000 ดอลลาร์แล้ว – นักลงทุนกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อคุมเงินเฟ้อ หลังข้อมูลเงินเฟ้อ เดือนเมษายนของสหรัฐยังคงร้อนแรง ตลาดหุ้นเอเชียต่ำสุดในรอบเกือบสองปี ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบสองทศวรรษ และบิตคอยน์ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 27,000 ดอลลาร์ จาก 40,000 ดอลลาร์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน

XD Events

Source : SETSMART

GLOBAL MARKET

Source : NewsCenter

- Advertisement -