UBE เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เดินหน้าปรับแผนธุรกิจ จัดงบลงทุน 550 ล้านบาท ปรับปรุงคุณภาพและขยายกำลังการผลิตฟลาวมันสำปะหลัง ตามความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ภายใต้แบรนด์ “ทาสุโกะ” ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารทอดและแพ้กลูเตนในแป้งสาลี มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตตามเป้าที่ 15-20% พร้อมประกาศตัวเลขรายได้ไตรมาส 1/65 ที่ 1,538 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 115.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 204.8%

 

นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เชื่อว่าจะมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-20% แม้จะมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเอทานอล จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น แต่ UBE ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ลดลง รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่จำหน่ายในปัจจุบัน และการใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อขยายตลาดฟลาวมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคมากขึ้น

นอกจากนี้ UBE ยังเดินหน้าแผนการลงทุนในปีนี้ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 550 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงคุณภาพและขยายกำลังการผลิตฟลาวมันสำปะหลัง ตามความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนแผนการตลาดสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เตรียมที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ภายใต้แบรนด์ “ทาสุโกะ” ดำเนินการโดยบริษัท อุบลซันฟลาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือ UBE ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารทอดและแพ้กลูเตนในแป้งสาลี โดยเตรียมวางจำหน่ายเพิ่มเติมในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ต่างๆ ให้มากขึ้น ในไตรมาส 2 เพื่อขยายฐานลูกค้า

ด้านนายชุณห์ โภไคศวรรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบัญชีและการเงิน UBE กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ UBE ประจำไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 1,538.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406.1 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 115.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 204.8% เนื่องจากยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณจำหน่ายเอทานอลที่สูงขึ้นเช่นกัน ทำให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทมีรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง 586.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.5 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 13.4% โดยยอดขายแป้งมันสำปะหลัง โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น ส่วนรายได้จากธุรกิจเอทานอล มีรายได้ 913.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316.3 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 53.0%  สาเหตุจากปริมาณการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมมีจำนวนมากขึ้น และปริมาณการจำหน่ายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่เริ่มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาเอทานอลที่คาดว่ายังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ UBE  มีกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง UBE เชื่อว่าจะมีทิศทางปรับตัวดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มการใช้เอทานอลที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มคำสั่งซื้อของกลุ่มธุรกิจอาหาร ทั้งในส่วนของฟลาวมันสำปะหลังและแป้งมันออร์แกนิคที่จะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของ UBE ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

************

- Advertisement -